กัญชา ส่งเสริมท่องเที่ยว “พัทยา-เกาะพงัน” สะพัด ต่างชาตินับหมื่นร่วมฟูลมูน ปาร์ตี้

หลังการปลดล็อคกัญชา ทำให้ผู้ประกอบหลายคนที่เห็นคุณค่ากัญชาในแง่ “สมุนไพร” นำไปใส่เป็นส่วนผสมในอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขณะเดียวกันในแง่สันทนาการ สถานบันเทิงต่างๆ ที่ต้องหลบๆซ่อนๆให้ผู้ที่ชื่นชอบการสูบกัญชาสูบกันใต้ดิน กล้าเปิดเผยกันขึ้นมาบนโต๊ะ ภายใต้ประกาศระเบียบการควบคุมที่ห้ามจำหน่ายให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และสตรีมีครรภ์

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สำรวจเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง “พัทยา” จังหวัดชลบุรี และเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขาสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา และผู้บริหาร Hollywood Pattaya กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า

หลังจากกฎหมายปลดล็อกเรื่องกัญชา สถานการณ์ในเมืองพัทยาเองเริ่มมีสถานบันเทิงเฉพาะทางที่มีขนาดเล็กมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวสูบกัญชาซึ่งกระแสกำลังมา แต่ถ้าเป็นร้านขนาดใหญ่ตอนนี้ยังไม่มี โดยปกติสถานบันเทิงจะไม่อนุญาตให้สูบบุรี่ในร้านอยู่แล้ว มองว่าถ้ามีการปลดล็อกกัญชาแล้วนำมาสูบในร้านนักท่องเที่ยวบางคนก็ไม่ชอบ เพราะกลิ่นค่อนข้างแรง และหากมีปลดล็อกในพื้นที่สาธารณะต้องมีพื้นที่ควบคุม หรือร้านไหนเปิดควรจะมีการจัดโซนสูบกัญชาโดยเฉพาะ

“ในอนาคต เรามองว่าน่าจะมีกฎหมายควบคุมออกมาให้ชัดเจน ซึ่งที่ศึกษากฎระเบียบตอนนี้ห้ามให้กลิ่นกัญชามีไปรบกวนคนรอบข้าง ฉะนั้นถ้าหากร้านไหนจะมีการเปิดให้สูบกัญชาควรจะมีการจำกัดโซนและต้องเป็นห้องที่เก็บกลิ่นได้ เพื่อจะไม่ส่งกลิ่นไปรบกวนคนข้างนอก”นายดำรงเกียรติกล่าว

นายดำรงเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ภาพธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยาคึกคักพอสมควร สถานบริการกับมาเปิดให้บริการแล้วกว่า 70% แบ่งเป็นสถานบันเทิงที่รับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย เปิดให้บริการ 100% ส่วนสถานบันเทิงที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติถือว่ายังน้อย เพราะตอนนี้ต่างชาที่มาส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย เวียดนาม และยุโรปบ้างเล็กน้อย ซึ่งจะนิยมไปใช้สถานบันเทิงเประเภทไนท์คลับ

นายสนชัย ศรีทองกุล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตอำเภอเกาะพงัน และประธานกลุ่ม 5 วิสาหกิจชุมชนเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวกับ”ประชาชาติธุรกิจ”ว่า หลังการเปิดประเทศ และการปลดล็อกกัญชาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ทางเกาะพงันมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เห็นได้จากการจัดงาน”พงันรักกัญ”ขึ้นที่ไร่วิถีพงัน เมื่อวันที่ 9มิ.ย.65 ซึ่งภายในงานมีอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของพงัน ซึ่งมีกัญชาอยู่ในส่วนผสม จากเดิมคาดว่าจะมีคนมาร่วมงานประมาณ 200 คน ปรากฎว่ามีคนมาร่วมงานกว่า 1,000 คน

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งจากเกาะสมุย ภูเก็ต กระบี่ และล่าสุดในการจัดงานฟูลมูน ปาร์ตี้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากเป็น 10,000 คนต่อวัน ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจากเกาะสมุย ประมาณ 5,000-6,000 คน ทั้งนี้ ในการจัดงานทั้ง 2 งาน ได้มีการจำกัดบริเวณให้สูบกัญชา เพื่อไม่ให้กลิ่นกัญชารบกวนคนอื่น เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามามีหลากหลาย มีทั้งคนที่ชอบสูบกัญชา และบางคนอาจกินดื่มแต่ไม่สูบกัญชา อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการท่องเที่ยวประเมินกันว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาน่าจะมีการใช้จ่ายประมาณ 2,000 บาทต่อคนต่อวัน สามารถสร้างรายได้ให้คนในชุมชนเกาะพงัน

“หลังการเปิดเสรี ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมสูบกัญชาหาซื้อใบกัญชามาสูบได้ง่ายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ซื้อแล้วจะกลับไปสูบยังที่พัก ยังไม่มีร้านในเกาะพงันเปิดให้สูบกัญชาโดยเฉพาะ”นายสนชัยกล่าวและว่า

ตั้งแต่มีการปลดล็อกกัญชาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นวันเดียวกับที่ 5 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในเกาะพงันได้รับใบอนุญาตให้ปลูกกัญชา โดยมีข้อตกลงส่งให้กับทางโรงพยาบาลเกาะพงัน ประกอบด้วย 1.วิสาหกิจชุมชนน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นบ้านโฉลกหลำ 2.วิสาหกิจชุมชนมะพร้าวแปลงใหญ่ 3.วิสาหกิจชุมชนไร่วิถีพงัน 4.วิสาหกิจชุมชนบ้านท้องนาง และ5.วิสาหกิจชุมชนนวัตวิถี โดย 5 กลุ่มมีสมาชิกรวมกัน 100 กว่าคน ช่วงเริ่มต้นมีการปลูกกัญชารวมกันประมาณ 250 ต้น

นอกจากนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้คุยกับเจ้าของธุรกิจอีกหลายร้าน ต่างให้ความเห็นว่า ยอมรับว่า ก่อนการปลดล็อกก็มีการแอบขาย แอบสูบกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนชื่นชอบ และหลายประเทศมีการเปิดเสรีกันมานานแล้ว

แต่ตอนนี้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงหลายแห่งในหลายจังหวัดยังไม่กล้าเปิดให้นักท่องเที่ยวสูบกันอย่างเปิดเผย เนื่องจากความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ทำให้เป็นช่องโหว่วให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนฉวยโอกาสรีดไถกับทางร้าน จึงอยากจะให้รัฐบาลออกกฎหมาย ข้อระเบียบปฏิบัติ ข้อห้ามต่างๆ ให้ชัดเจน ผู้ประกอบการพร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย และจะได้ปิดช่องการรีดไถจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ