เทรนด์สินค้าใหม่มาแรง เครื่องใช้ไฟฟ้า “ล้ำสมัย-ไฮเทค”

เครื่องล้างจาน

ช่วง 1-2 ปีนี้ แม้อาจจะไม่ใช่ห้วงเวลาที่สดใสนักของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในภาพรวม จากสถานการณ์โควิด-19 ที่นำมาสู่มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง ผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย

นำมาสู่การปรับตัวด้วยการหันมาใช้เครื่องใช้กลุ่มไฮเอนด์ “นิช มาร์เก็ต” เพื่อเจาะตลาดระดับบนที่เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ และเป็นกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อสูง ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่น “ราคา-ผ่อน 0%” กระตุ้นการจับจ่ายในกลุ่มตลาดแมส

หากสังเกตจะพบว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ ค่ายต่างหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดสินค้ากลุ่มใหม่มากขึ้น โดยทยอยขยายไลน์อัพสินค้ากลุ่มนี้ให้หลากหลายขึ้น เพื่อชิงดีมานด์ของตลาด เช่น เครื่องล้างจาน เครื่องอบผ้า ตู้ถนอมผ้า เครื่องลดความชื้น ไปจนถึงแปรงสีฟันไฟฟ้าที่กลับได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

แปรงสีฟันไฟฟ้า
แปรงสีฟันไฟฟ้า

เครื่องถนอมผ้า

“ตู้ถนอมผ้า” ตลาดใหม่มาแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา ซัมซุงและแอลจี ได้เริ่มทยอยนำตู้ถนอมผ้าเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย และอาจจะกล่าวได้ว่าตู้ถนอมผ้าเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใหม่ และเป็นสินค้าในระดับพรีเมี่ยม ที่เป็นการต่อยอดจากเครื่องอบผ้า ด้วยการปรับรูปโฉมจากทรงกล่องแบบเครื่องซักผ้า ไปเป็นทรงตู้เสื้อผ้าพร้อมฟังก์ชั่นดับกลิ่น ฆ่าเชื้อ และลดรอยยับของเสื้อผ้าที่นำไปแขวนไว้ภายใน โดยราคาเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นบาท

ปัจจุบันเริ่มมีแบรนด์อื่น ๆ นำสินค้าลักษณะเดียวกันเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ยุโรปและจีน อย่างทีฟาล์วที่มี “เครื่องดูแลผ้าไอน้ำอัตโนมัติ” ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.2 หมื่นบาท เช่นเดียวกับ ไฮเออร์ ที่ได้นำตู้ถนอมผ้าเข้ามาทำตลาดภายใต้แบรนด์ คาซาร์เต้ ที่วางโพซิชั่นจับกลุ่มไฮเอนด์ ด้วยเช่นกัน

“อำนาจ สิงหจันทร์” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่า ช่วง 1-2 ปีนี้ ร้านดีลเลอร์และพนักงานขายที่ประจำในจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศต่างรายงานว่า จำนวนลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มใหม่ ๆ นี้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอบผ้า ตู้ถนอมผ้า รวมถึงเครื่องล้างจาน

ขณะเดียวกัน ยอดขายสินค้าเหล่านี้ยังเติบโตขึ้นด้วย โดยตู้ถนอมผ้า หรือ Styler นั้น ยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน ไปในทิศทางเดียวกับเครื่องอบผ้าที่ปีนี้สัดส่วนการขายในห้างสรรพสินค้าขยับจาก 7% เมื่อปี 2564 ขึ้นมาอยู่ที่ 12-13% แล้ว สะท้อนว่าถึงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเครื่องลดความชื้นที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน ก็ยังได้รับการตอบรับดีพอสมควร แม้จะยังไม่ได้ทำการตลาดมากนัก และเป็นอุปกรณ์ที่ชาวไทยไม่คุ้นเคยนัก

อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งก็พบว่า ยังเห็นกระแสเปิดรับเครื่องใช้ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้นมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนถึงปัจจุบัน สะท้อนจากหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCare ได้รับความนิยมสูง มีลูกค้าซื้อใช้งานเอง และซื้อเป็นของขวัญแม้จะมีราคาประมาณ 5,000 บาท จนสามารถนำรุ่น 2 เข้ามาทำตลาดได้

ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เชื่อว่าปรากฏการณ์นี้เป็นผลจาก 2 ปัจจัยคือ โควิด-19 กระตุ้นให้ผู้คนต้องการอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการทำความสะอาดของใช้อย่าง ซักผ้า หรือล้างจาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ให้น้ำหนักกับความสะดวก-ประหยัดเวลา และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน อุปกรณ์เหล่านี้พัฒนาให้ใช้งานได้ยืดหยุ่น เป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น เช่น เครื่องล้างจานที่สามารถล้างภาชนะได้หลากหลาย และใช้ผง/น้ำยาได้หลายยี่ห้อ หรือเครื่องอบผ้าที่ถนอมผ้ามากขึ้น

จากกระแสนี้ แอลจีจึงตัดสินใจเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาด พร้อมกับขยายไลน์สินค้าให้หลากหลาย ครอบคลุม ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งฝั่งองค์กรและผู้บริโภคทั่วไปโดยปี 2566 จะนำเครื่องล้างจานเข้ามาวางจำหน่ายในไทย ส่วนตู้ถนอมผ้า หรือ Styler เพิ่มความเข้มข้นของการทำตลาดขึ้น อาทิ แคมเปญ LG Styler Trial&Buy ให้ลูกค้าที่ซื้อตู้ถนอมผ้าในช่วง 12 สิงหาคม-15 กันยายน 2565 สามารถลองใช้ได้ 15 วัน หากไม่พอใจยินดีคืนเงิน 100%

หลังเพิ่มจุดโชว์สินค้าจาก 70 จุด เป็น 100 จุด ในเดือนสิงหาคม เช่น ร้านสะดวกซักคอนโดฯหรู โรงพยาบาล เพื่อสร้างการรับรู้และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคทดลองใช้งาน รวมถึงขยายจุดจำหน่ายไปในร้านค้าดีลเลอร์ระดับกลาง

พร้อมใจปลุกตลาดเครื่องล้างจาน

นอกจากตู้ถนอมผ้าแล้ว เครื่องล้างจานก็เป็นสินค้าอีกอย่างหนึ่งที่หลาย ๆ ค่ายเริ่มมีความเคลื่อนไหวในการส่งสินค้าเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยวหมี่, โตชิบา รวมทั้ง เพาเวอร์บาย ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่ส่งเครื่องใช้ไฟฟ้า own brand “มามารุ” เข้ามาร่วมวง ปัจจุบันรวมแล้วมีมากกว่า 15 แบรนด์ ราคาเริ่มต้นประมาณ 7 พันบาท จากเดิมที่มีเพียงแบรนด์สัญชาติยุโรป อย่าง บ๊อช, อีเลคโทรลักซ์ ที่สินค้ามีราคาระดับหมื่นบาท

“รัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์” ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย และอินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ต บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด ที่กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเห็นดีมานด์เครื่องล้างจาน เพิ่มมากขึ้นในช่องทางต่าง ๆ คาดว่าเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเห็นได้จากทัศนคติที่มีต่อเครื่องอบผ้า ซึ่งเดิมมองว่าไม่จำเป็น เพราะสามารถตากแดดให้ผ้าแห้งได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย

แต่จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริโภคไทยสนใจเรื่องความสะอาดของการตากผ้ากลางแจ้ง ทำให้แม้แต่ผู้อาศัยในบ้านเดี่ยวซึ่งมีบริเวณให้ตากผ้าก็เริ่มหันมาซื้อเครื่องอบผ้ามากขึ้น ต่างจากเดิมที่ฐานลูกค้าหลักจะเป็นผู้อาศัยในคอนโดฯ

“จนทำให้ยอดขายเครื่องอบผ้าของบริษัทในปี 2565 นี้เติบโตจากปี 2564 ถึงเท่าตัว และสัดส่วนการขายเครื่องอบผ้าต่อเครื่องซักผ้า ขยับจาก 1 ต่อ 5 เครื่อง เป็นประมาณ 1 ต่อ 3 เครื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีเครื่องล้างจานทั้งรุ่นตั้งพื้นและตั้งโต๊ะรวม 6 รุ่น ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท ไปจนถึง 49,990 บาท เชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับที่เกิดในกลุ่มเครื่องอบผ้า”

แปรงสีฟันไฟฟ้ากลับโตแรง

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แปรงสีฟันไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่สินค้าตัวนี้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก รวมถึงยังพบเห็นสินค้าวางขายในชั้นวางสินค้าดูแลสุขภาพช่องปากและฟันในหลายช่องทาง อาทิ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต โดยวางในชั้นร่วมกับแปรงสีฟันธรรมดา

“วิโรจน์ วิทยาเวโรจน์” ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า ตั้งแต่ปี 2564 กลุ่มสินค้าดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเติบโตดีเป็นพิเศษ โดยปี 2564 ตลาดของผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพส่วนบุคคลในประเทศไทย มียอดขายรวมทั้งตลาดอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านชิ้น เติบโตประมาณ 3%

แต่กลุ่มสินค้าดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน อย่างแปรงสีฟันไฟฟ้าเติบโตดีเป็นพิเศษ ด้วยอัตรา 5% เมื่อเทียบกับปี 2563 เช่นเดียวกับยอดขายของบริษัทที่ไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเติบโตถึง 100% และช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 นี้ ยอดขายบริษัทเติบโตไปแล้วถึง 20% และแนวโน้มครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง ที่ผ่านมาเปิดตัวแปรงสีฟันไฟฟ้ารุ่นไฟท์ติ้งราคาเริ่มต้นประมาณ 1,500 บาทไปก่อนแล้ว ตามเป้าหมายเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้สินค้า มั่นใจว่าสิ้นปีจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% แน่นอน

“หลังจากนี้ไปบริษัทจะผลักดันอุปกรณ์ฟอกสีฟัน ที่ได้รับความนิยมในช่วงครึ่งปีแรกมากขึ้น โดยทำตลาดผ่านทางร้านทันตกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง”

ภาพการเติบโตนี้สะท้อนถึงดีมานด์ของผู้บริโภคไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงการระบาดของโควิด-19 และอาจมีส่วนทำให้ช่วงโค้งท้ายของปี 2565 นี้ ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าคึกคักยิ่งขึ้น จากการแข่งขันของแต่ละแบรนด์ ที่พยายามนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นเพื่อชิงเม็ดเงินมาสร้างการเติบโต