“วอริกซ์” ลั่นยึดผู้นำอาเซียน IPO สปีด 5 ขาธุรกิจ/ปักธงสิงคโปร์-มาเลย์

warrix

“วอริกซ์” มั่นใจไอพีโอสิ้นปี’65 กางโรดแมปลงทุนขยาย 5 ธุรกิจ ต่อยอดนอกวงการชุดกีฬา ทั้งผุดศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา สาขา 2 ที่ศูนย์สิริกิติ์ เจาะนักวิ่ง ก่อนเปิดสาขา 3 ย่านพระราม 9 พร้อมเล็งจัด 4 อีเวนต์วิ่งเทรลปลายปีนี้ต้นปีหน้า รวมถึงผนึกค่ายเพลงผลิตสินค้าที่ระลึก-กิจกรรมออฟไลน์-เมตาเวิร์ส หวังขยายฐานลูกค้าระดับบน พร้อมรุกอาเซียนปักธงออฟฟิศสิงคโปร์-มาเลเซีย ธ.ค.นี้ ก่อนลุยต่อเวียดนาม

นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) อัพเดตแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ขณะนี้กระบวนการยื่นไฟลิ่งใกล้จบแล้ว และอยู่ระหว่างรอจดหมายตอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 210 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 420 ล้านหุ้น

ตามกำหนดคาดว่าอาจเริ่มเสนอขายหุ้น IPO ได้ในช่วงสิ้นปี 2565 นี้ สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนมีแผนจะนำมาเป็นเงินหมุนเวียนและขยายกิจการ เพื่อซัพพอร์ตกับยุทธศาสตร์ จากแบรนด์ชุดกีฬาไปเป็นสปอร์ต เฮลท์ แอนด์ ไลฟ์สไตล์ (Sport Health & Lifestyle) แบบครบวงจร

โดยมี 5 ธุรกิจเสาหลัก คือ สปอร์ต, แอ็กทีฟแอนด์ไลฟ์สไตล์, เฮลท์, เอ็กซ์พลอเรอร์ และเมตาเวิร์ส ที่วางไว้ว่าจะเดินหน้าเต็มตัวตั้งแต่ต้นปี 2566 ไม่ว่าจะเป็นการรุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นอีกก้าวของแผนขยับขึ้นเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาค การต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากชุดกีฬา ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การจัดงานวิ่งทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ อาศัยเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส ส่วนชุดกีฬาที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมจะรุกเข้าสู่ตลาดแฟชั่นไลฟ์สไตล์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น

ผนึกพันธมิตรข้ามอุตสาหกรรม

นายวิศัลย์อธิบายว่า สำหรับทิศทางของทั้ง 5 ธุรกิจเสาหลัก จะเน้นการจับมือพันธมิตรจากนอกวงการเพื่อมาสร้างจุดเด่นให้ธุรกิจและเป็นช่องทางเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ รวมถึงการวางกลยุทธ์ให้แต่ละเสาเกื้อหนุนต่อยอดกันได้ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ เช่น ธุรกิจชุดกีฬา จะจับมือพันธมิตรแบบข้ามอุตสาหกรรม เช่น ค่ายเพลงเลิฟอีส, ค่ายเพลง HIGHCLOUD ของ “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่” และอื่น ๆ เพื่อผลิตสินค้าของที่ระลึกสำหรับวง-ศิลปิน-งานคอนเสิร์ต โดยนำโนว์ฮาวจากการทำชุดให้ทีมสโมสร-องค์กรต่าง ๆ เข้าตอบโจทย์การผลิตสินค้าที่ระลึก ขณะเดียวกันบริษัทได้ขยายลูกค้าเข้าไปยังฐานแฟนคลับศิลปิน พร้อมสร้างมูลค่าให้แบรนด์ในการรุกตลาดระดับบนเช่นเดียวกับรายได้ ซึ่งตลาดนี้เป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

“ปลายปีนี้จะเปิดสาขาไลฟ์สไตล์ ที่สยามสแควร์ สำหรับจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น ภายใต้แบรนด์วอริกซ์ที่ปรับเปลี่ยนโลโก้เล็กน้อย พร้อมจะเริ่มนำศิลปินเพลง เซเลบต่าง ๆ ที่บริษัทร่วมมือด้วยมาช่วยสร้างแบรนด์”

ขณะเดียวกัน ความร่วมมือนี้ยังสามารถต่อยอดไปยังเสาหลักอื่น ๆ ได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเอ็กซ์พลอเรอร์ ที่เป็นการจัดอีเวนต์วิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จจากงานวิ่งเดอะแมตช์ (ศึกแดงเดือด) มีผู้เข้าร่วมหลายพันคน โดยมีกำหนดจัดงานวิ่งเทรล 4 งาน ในช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้า นอกจากจุดเด่นด้านบรรยากาศการวิ่งใกล้เขตอุทยานและกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติแล้ว กำลังศึกษาผสมอีเวนต์แนวอื่นเข้าไปด้วย เช่น มินิคอนเสิร์ต ฟู้ดทรัก ฯลฯ เพื่อสร้างความแตกต่างดึงดูดนักวิ่ง เพราะการร่วมงานวิ่งในปัจจุบันนั้นเป็นไลฟ์สไตล์ ทำให้นักวิ่งต้องการอะไรที่มากกว่าการเดินทางมาวิ่งแล้วก็กลับ

นอกจากนี้ยังสามารถนำไปผนวกกับธุรกิจเมตาเวิร์ส ด้วยการจัดอีเวนต์ เช่น งานวิ่ง คอนเสิร์ต หรือการแข่งกีฬาบนโลกเสมือนคู่ขนานไปกับโลกจริง โดยบริษัทกำลังพัฒนาวอริกซ์สเตเดียม ใน D.OASIS แพลตฟอร์มเมตาเวิร์สของไทย ภายในสเตเดียมจะมีทั้งสนามบอล บาส มวย ฯลฯ ซึ่งสามารถจัดการแข่งได้ทั้งในโลกจริงและเสมือน รวมถึงเชิญศิลปินจากค่ายพันธมิตรมาจัด Meet & Greet ไปจนถึงขายของที่ระลึกต่าง ๆ หรือในอนาคตยังอาจเปิดโอกาสให้สามารถนำงานใหญ่ระดับโลกที่เดิมไทยไม่ผ่านข้อกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมงานเพราะไม่มีสถานที่ใหญ่พอเข้ามาจัดได้ด้วย

กางแผนปั้นศูนย์ฟื้นฟูระดับภูมิภาค

ซีอีโอบริษัท วอริกซ์ฯ กล่าวว่า ส่วนธุรกิจเฮลท์มีแผนขยายสาขาศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาเพิ่มต่อเนื่อง เริ่มจากสาขา 2 ขนาด 500 ตร.ม. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ เป็นสาขาพิเศษที่โฟกัสด้านการวิ่งโดยเฉพาะและครบวงจร ทั้งบริการสร้าง-พัฒนาความแข็งแรงของนักวิ่ง และมีแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้ามาให้บริการ ไปจนถึงการขายสินค้าวิ่งจากความร่วมมือกับเชนร้านสินค้าวิ่ง “บานาน่ารัน” เนื่องจากเชื่อว่าหลังจากนี้ไป ย่านศูนย์การประชุมจะกลายเป็นศูนย์ร่วมนักวิ่งแห่งใหม่ของ กทม. เนื่องจากการปิดสวนลุมฯจะทำให้นักวิ่งมาร่วมกันที่สวนเบญจกิติ ซึ่งอยู่ติดกับศูนย์การประชุม

ส่วนสาขา 2 ที่ย่านพระราม 9 และสาขาอื่น จะเน้นองค์รวมทั้งคนเล่นกีฬา ผู้สูงอายุ และคนทำงานที่มีปัญหาออฟฟิศซินโดรม หรือการเจ็บป่วยจากการทำงานนั่งโต๊ะ ด้วยจุดเด่นด้านการบริการแบบเทเลอร์เมดเป็นการจัดโปรแกรมฟื้นฟู-สร้างความแข็งแรงตามลูกค้าแต่ละราย และเน้นการให้ร่างกาย-จิตใจแข็งแรงด้วยตัวเอง มากกว่าการใช้ยาหรืออาหารเสริม

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างร่างแผนพัฒนาโมเดลนี้ไปเป็นแฟรนไชส์ ที่ร่วมกับร้านค้าสินค้ากีฬาและศูนย์วิทยาศาสตร์ฯเข้าด้วยกัน หลังที่ผ่านมามีดีลเลอร์แสดงความสนใจซื้อแฟรนไชส์บ้างแล้ว และในอนาคตอาจต่อยอดเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ และนักกีฬาที่เข้ามารักษา-พักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ โดยอาจมีสาขากระจายในจังหวัดท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดผู้ใช้บริการจากต่างประเทศ

“ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬานั้นจะเติบโตไปมากกว่านี้แน่นอน โดยเชื่อว่ามีโอกาสไว้สูงมาก เพราะปัจจุบันธุรกิจนี้ยังไม่มีใครทำ มีเพียงคลินิกกายภาพจำนวนหลักร้อย แต่กลุ่มที่เน้นเรื่องกีฬายิ่งน้อย ในขณะที่ผู้บริโภคยอมลงทุนกับสุขภาพ-กีฬามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากลูกค้าที่เข้ามารับบริการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา”

ปักธงสิงคโปร์-มาเลเซีย

ด้านตลาดต่างประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของวอริกซ์มานานนั้น นายวิศัลย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทตัดสินใจเบรกตลาดญี่ปุ่นไว้ก่อน และหันมาทุ่มทรัพยากรเต็มที่กับตลาดอาเซียน เนื่องจากมีศักยภาพในการฟื้นตัวและเติบโตสูง รวมถึงคู่แข่งไม่มากนัก อีกทั้งสอดคล้องกับเป้าหมายการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับภูมิภาค ขณะนี้เร่งฟอร์มทีมงานเพื่อเปิดออฟฟิศในสิงคโปร์และมาเลเซีย คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงปลายปี’65 นี้ พอดีกับช่วงการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริคคัพ (20 ธ.ค. 2565-16 ม.ค. 2566) ที่เป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับอาเซียน มี 10 ทีมเข้าร่วม ซึ่งบริษัทจะมีการทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ในงาน เพื่อสื่อสารไปยังแต่ละประเทศในอาเซียน ก่อนจะขยายสาขาต่อไปที่เวียดนาม โดยสำนักงานสิงคโปร์จะรับหน้าที่ดูแลการตลาดระดับภูมิภาค

“มั่นใจว่าสำหรับปีนี้ ทั้งยอดขายและกำไรจะเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว สะท้อนจากดีมานด์สินค้ามีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับครึ่งปีแรกที่สินค้าฮีโร่อย่างเสื้อโปโลไม่พอขาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากการสร้างแบรนด์และการบาลานซ์คุณภาพ-ราคาที่มุ่งเน้นย้ำความคุ้มค่า ทำให้ผู้บริโภคยังเลือกซื้อสินค้าของแบรนด์” ซีอีโอบริษัท วอริกซ์ฯ ย้ำในตอนท้าย