โก๋แก่ เด้งรับนักท่องเที่ยวจีน ลุยโมเดลฟู้ดทรักดันยอด 1 หมื่นล้านในอีก 5-10 ปี

โก๋แก่
นายจุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด

โก๋แก่ เตรียมบุกตลาดรับนักท่องเที่ยวจีน ปัดฝุ่น “โก๋ช็อป” ลุยโมเดลฟู้ดทรัก-ร้านชานมไข่มุก นมถั่วลิสง ไอศกรีม “โก๋ นม ถั่ว” หวังดันยอดขาย 1 หมื่นล้าน ในอีก 5-10 ปี

วันที่ 25 มกราคม 2566 นายจุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด เปิดเผยว่า โก๋แก่วางโรดแมปธุรกิจ 5-10 ปี ทำรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท หลังจากช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท และช่วงโควิดลดเหลือ 2,100 ล้านบาท โดยจะรุกหนักในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งในกลุ่มถั่วและที่ไม่ใช่ถั่ว ควบคู่ไปกับการทำตลาดผ่านช่องทางที่หลากหลาย และบุกตลาดต่างประเทศเพื่อเพิ่มสัดส่วนเป็นมากกว่า 50% จากก่อนหน้าอยู่ที่กว่า 20% และลดลงมาอยู่ที่ 12-15% ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19

สำหรับการทำตลาดในประเทศไทยนั้น บริษัทมองว่าจะกลับมาทบทวนแผนการเปิด “โก๋ช็อป” เพื่อทำการจำหน่ายสินค้าในเครืออีกครั้ง จากในอดีตเคยเปิดให้บริการตามแหล่งท่องเที่ยวมากถึง 12 สาขา แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปิดตัวลงไปเหลือเพียง 2 สาขา คือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ และจตุจักร

ขณะเดียวกันโก๋แก่ยังมีรูปแบบของร้านค้าในลักษณะฟู้ดทรัคที่จะให้บริการตามสถานที่ต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการออกบูทตามอาคารสำนักงาน เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และร้าน “โก๋ นม ถั่ว” ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท อาทิ ชานมไข่มุก ที่มีให้เลือกว่าจะใช้นมอัลมอนด์หรือว่านมถั่วลิสง และไอศกรีมแบบซันเดย์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะมีสัญญาณที่ดีกว่าช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องยอมรับว่าราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงราคาพลังงาน ทำให้กระทบต่อกำไรของตลาดถั่วลดน้อยลงเหลือ 7-8% จะเห็นได้ว่าสินค้าบางรายการที่เป็นแบรนด์ใหญ่ ๆ เริ่มมีการปรับราคาสินค้าไปแล้ว บริษัทยังจับตาสถานการณ์ตลาดและการปรับขึ้นราคาของสินค้าบางรายการ เพื่อพิจารณาถึงการปรับราคาสินค้าของบริษัทอีกครั้ง

นอกจากนี้จะเห็นได้ว่านอกเหนือจากการเป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักที่เข้ามาซื้อสินค้าในไทยแล้ว ต้องยอมรับว่าการส่งออกไปยังประเทศจีนก็มีส่วนสำคัญมากเช่นเดียวกัน คิดเป็น 50% ของการส่งออก หรือมูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาการปิดประเทศเนื่องมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การส่งออกไปยังประเทศจีนค่อนข้างลำบาก

ทำให้บริษัทต้องหันไปรุกตลาดต่างประเทศอื่น ๆ เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปจากตลาดจีน แต่มองว่าสัญญาณการส่งออกไปยังประเทศดังกล่าวเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้เชื่อว่าจะสามารถกลับมามีรายได้เท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกครั้งในปี 2566

โดยการทำตลาดต่างประเทศในปี 2566 นี้ จะเน้นการออกสินค้ารสชาติใหม่ที่เข้ากับแต่ละภูมิภาคของประเทศจีนให้มากขึ้น ทำรสชาติให้มีความเป็นท้องถิ่นมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันยังเห็นถึงความชื่นชอบซีรีส์วายจากประเทศไทย จึงทำให้บริษัทวางแผนที่จะนำดาราซีรีส์วายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อทำตลาดในประเทศจีนให้มากขึ้น เบื้องต้นคาการณ์ว่าน่าจะเริ่มได้ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565 นี้