ทรีคิงส์โอจี พลิกยุทธศาสตร์ ดันสินค้ากัญชารุกตลาดแมส

สินค้ากัญชา-กัญชง

กระแสกัญชา-กัญชงแปรรูปแรงไม่ตก “ทรีคิงส์ โอจี” กางยุทธศาสตร์รับดีมานด์เร่งขอ อย.-จีเอ็มพี พร้อมปรับทิศการตลาด-รีแบรนด์สินค้าก้าวข้ามกัญชาสู่ตลาดแมส ก่อนปูพรมสื่อย้ำจุดขายทั้งรสชาติ-ดีไซน์-สตอรี่ หวังเบิกทางเจาะโมเดิร์นเทรด-ต่อยอดส่งออก มั่นใจรายได้ปี’66 โตต่อเนื่อง

นายวรภัทร อาจมังกร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท ทรีคิงส์ โอจี จำกัด ผู้ผลิตสินค้ากัญชา-กัญชง แบรนด์ “ทรีคิงส์ โอจี” หลากหลายประเภท อาทิ เกลือ เนย เยลลี่ คราฟต์โซดา ป๊อปคอร์น คอร์นเฟลก ฯลฯ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สินค้ากัญชาแปรรูป เป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพของตลาดกัญชา เนื่องจากสินค้ามีความหลากหลาย ทั้งของกิน เครื่องดื่ม ของใช้ ฯลฯ จึงสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มตามไปด้วย

ขณะเดียวกันปัจจุบันดีมานด์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาหลังเปิดประเทศ และคนไทยที่เริ่มเปิดรับสินค้า-ธุรกิจกัญชามากขึ้นตามลำดับ สะท้อนจากยอดขายของบริษัทช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ในแหล่งท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต, สมุย, กระบี่, พังงา, พัทยา, เกาะช้าง และอื่น ๆ ที่สูงกว่า กทม.อย่างชัดเจนหลังการเปิดประเทศ ส่วนใน กทม. ลูกค้าชาวไทยเริ่มซื้อสินค้ามากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเพื่อทานเองหรือเป็นของขวัญจับสลากในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา

ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท ทรีคิงส์โอจี กล่าวต่อไปว่า เพื่อชิงโอกาสจากกระแสการเติบโตของดีมานด์ ปี 2566 นี้บริษัทเตรียมขยายธุรกิจหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นรีแบรนด์สินค้าในพอร์ต พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาด ขยายช่องทางจำหน่าย รวมถึงขอรับมาตรฐานต่าง ๆ ทั้ง อย. จีเอ็มพี ฯลฯ ตามแผนเปิดตลาดส่งออกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

โดยการขอเลขสารบบอาหารกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ถือเป็นเป้าหมายหลักของปีนี้ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้ธุรกิจ อาทิ เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทั้งคู่ค้าและลูกค้าปลายน้ำ เสริมจากปัจจุบันที่มีใบยืนยันปริมาณสาร CBD ในสินค้าแต่ละใบอนุญาตผลิต-จำหน่ายแล้ว รวมถึงช่วยให้ขยายช่องทางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด เช่น วิลล่ามาร์เก็ต กูร์เมต์มาร์เก็ตได้ง่ายขึ้น หลังที่ผ่านมาเน้นร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านสินค้าออร์แกนิกเป็นหลัก

พร้อมต่อยอดขอมาตรฐาน GMP หรือ Good Manufacturing Practice ต่อไปเพื่อรองรับแผนส่งออกไปยังตลาดอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง รวมถึงอินเดีย โดยการส่งออกจะเน้นสินค้าที่ใช้ CBD จากกัญชง ซึ่งประเทศต่าง ๆ ยอมรับมากกว่า ทำให้มีโอกาสเข้าไปได้ง่ายกว่า

ส่วนการรีแบรนด์สินค้านั้นจะมุ่งลดภาพสินค้ากัญชาลง ให้มีความเป็นสินค้าปกติมากขึ้น ตามยุทธศาสตร์ดั้งเดิมของบริษัทที่เน้นสร้างสินค้าที่สามารถอยู่ในครัวของทุกบ้าน และสามารถกิน-ใช้ได้หลายโอกาส โดยจะรีแบรนด์คอร์นเฟลกและป๊อปคอร์น ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในฐานะขนมทานเล่น การรีแบรนด์จะช่วยเพิ่มโอกาสการบริโภคในช่วงเช้าเช่นเดียวกับคอร์นเฟลกปกติ รวมถึงเพิ่มโอกาสเข้าไปจำหน่ายในร้านค้าทั่วไปด้วย

พร้อมกับเพิ่มความเข้มข้นของการสื่อสาร โดยจัดทำชุดข้อมูลให้กับเซลส์ใช้นำเสนอ เน้นที่มาของตัวกัญชาและวัตถุดิบอื่น ๆ ปริมาณสาร ความปลอดภัย อย่างการเล่าถึงวิสาหกิจชุมชนบ้านม่วงงาม และเกษตรศรีวิลัยที่เป็นผู้ปลูก การควบคุม-ตรวจปริมาณสาร ไปจนถึงแนวคิดการดีไซน์แพ็กเกจจิ้ง เพื่อสร้างการรับรู้และย้ำความแตกต่างจากคู่แข่ง

ขณะเดียวกันจะหันไปเข้าร่วมอีเวนต์-งานแฟร์ทั่วไปให้มากกว่าอีเวนต์เกี่ยวกับกัญชา เพื่อย้ำภาพสินค้าปกติและสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคทั่วไปที่ไม่เคยใช้กัญชาเกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาและความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น การตั้งคำถามก่อนตัดสินใจซื้อว่าสินค้านี้คืออะไร ใครผลิต มีปริมาณสารเท่าไหร่ เป็นต้น เพราะมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วปัจจัยการแข่งขันในตลาดกัญชาจะเป็นเรื่องความปลอดภัย คุณภาพ ความเชื่อมั่น และเอกลักษณ์ของแบรนด์เช่นเดียวกับสินค้าอื่น ๆ

“สินค้าของเราไม่ได้อาศัยกัญชาเป็นจุดขาย แต่ใช้รสชาติ คุณภาพวัตถุดิบ และเรื่องราวมาร่วมด้วย เช่น ใช้ช็อกโกแลตจากเชียงรายที่มีรส-กลิ่นเฉพาะตัว หรือการทำเกลือให้มีสีเขียวมรกต จึงสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งทั้งในตลาดกัญชาและตลาดทั่วไปได้”

นายวรภัทรย้ำความมั่นใจว่า หากไม่มีสถานการณ์พลิกผัน ดีมานด์ตลาดกัญชาน่าจะเติบโตต่อเนื่อง และถ้า พ.ร.บ.กัญชา กัญชง สามารถบังคับใช้ได้จะยิ่งเป็นผลบวกกับธุรกิจ เพราะจะมีความชัดเจน และทำให้ผู้เล่นทุกรายแข่งขันอย่างเท่าเทียมภายใต้กติกาเดียวกัน เมื่อรวมกับยุทธศาสตร์ใหม่ของบริษัทจะทำให้รายได้ปี 2566 นี้เติบโตต่อเนื่อง เช่นเดียวกับช่วงปี 2562-2564 ซึ่งรายได้เติบโตระดับ 100% ทุกปี