บลูแอร์ ลุยเครื่องฟอกอากาศเต็มสูบชิงเค้ก 5 พันล้าน

บลูแอร์

“บลูแอร์” ขยายแนวรบสมรภูมิเครื่องฟอกอากาศ 5 พันล้าน หลังตลาดกลับมาคึกคักตั้งแต่ต้นปี ดันยอดขายไตรมาสแรกโต 100% ลั่นบุกทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่เอ็นทรียันพรีเมี่ยมหลังไลน์สินค้าครบ พร้อมยุทธศาสตร์ใหม่เน้นทำตลาดดิจิทัล-ลดกิจกรรมออนกราวนด์ สับหลีกสินค้าออฟไลน์-ออนไลน์รับไลฟ์สไตล์ลูกค้า มั่นใจยอดขายเติบโตเกิน 20% กลับไปสู่ระดับก่อนโควิดระบาด

นายบุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัย แอร์ควอลิตี้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศ แบรนด์ Blueair (บลูแอร์) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ดีมานด์เครื่องฟอกอากาศกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากตลาดมูลค่า 5 พันล้านบาท นิ่งมากว่า 2 ปี เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 กระตุ้นให้ภาคครัวเรือนหาซื้อเครื่องฟอกอากาศเพิ่มสำหรับห้องต่าง ๆ ในบ้าน เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี’65 ทำให้ภาคธุรกิจ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร โรงพยาบาลเริ่มมีเม็ดเงินจึงกลับมาลงทุนด้านสภาพอากาศ อย่างเปลี่ยนไส้กรอง อัพเกรดเครื่องใหม่หรือซื้อเพิ่มเพื่อรองรับลูกค้า

“แม้การทำงานในออฟฟิศจะลดลง แต่หลายแห่งมีการเพิ่มห้องประชุมและโคเวิร์กกิ้งสเปซเข้ามาแทน ซึ่งต่างเป็นพื้นที่ที่คนมาใช้ร่วมกัน จึงมีความต้องการนำเครื่องฟอกอากาศเข้าไปติดตั้ง ถือเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่มีศักยภาพ”

สะท้อนจากความคึกคักในช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ที่มีทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่เข้ามาซื้อหาสินค้า หรือรับบริการหลังการขาย เช่น เปลี่ยนแผ่นกรองฝุ่น จนยอดขายเดือน ม.ค. เติบโตถึง 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้แม้ช่วงต้นเดือน ก.พ. สถานการณ์ฝุ่นในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังคงมีปัญหาในภูมิภาคต่าง ๆและการจะแก้ปัญหาฝุ่นควันให้ได้อย่างเด็ดขาดนั้นยังต้องใช้เวลาและการร่วมมือจากหลายฝ่าย เห็นได้จากเมืองใหญ่ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ขณะที่ผู้บริโภค-ภาคธุรกิจสนใจสุขภาพมากขึ้น จึงเชื่อว่าจะยังมีดีมานด์สินค้าต่อเนื่องและทำให้ตลาดเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางในปี 2566 นี้ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัย แอร์ควอลิตี้ กล่าวว่า ปีนี้จะเดินหน้าทำตลาดแบบครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ หลังช่วงกลาง-ปลายปีที่แล้วระดมเปิดตัวสินค้าจนมีไลน์อัพครบตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นราคา 6-7 พันบาท รุ่นสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง รุ่นใช้ในยานพาหนะ ไปจนถึงรุ่นท็อปราคา 6 หมื่นบาทแล้ว อีกทั้งยังนำเข้าสินค้าทุกรุ่นมาสำรองไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเพื่อให้พร้อมรับดีมานด์ที่อาจเพิ่มขึ้นแบบกะทันหันเมื่อเกิดปัญหาฝุ่นควัน

โดยจะเน้นการทำตลาดในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น และลดการจัดอีเวนต์ออนกราวนด์ลงให้สอดคล้องกับการรับสื่อของผู้บริโภคปัจจุบัน โฟกัสสร้างการรับรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นของสินค้า เช่น ลดสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง หรือการฟอกอากาศต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง เป็นต้น รวมไปถึงการบริการหลังการขายถึงบ้านลูกค้าหรือออนไซต์เซอร์วิสที่เป็นจุดแข็งของบริษัท หลังปีที่แล้วเพิ่มทีมบริการ จาก 3 ทีม เป็น 10 ทีม รองรับการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าในย่านกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และอาจขยายทีมอีกตามการเติบโต

“แม้การแข่งขันจะดุเดือด เพราะมีผู้เล่นจำนวนมาก แต่โพซิชั่นแบรนด์ระดับโลกทำให้เราได้เปรียบการแข่งขัน เนื่องจากมีข้อมูลสินค้า-รีวิวการใช้งาน การอธิบายฟังก์ชั่นต่าง ๆ จากทั่วโลก ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งตอบโจทย์การเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคยุคนี้ที่นิยมศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ ขณะเดียวกันเครื่องฟอกอากาศเป็นสินค้าที่แสดงความแตกต่างด้านประสิทธิภาพยาก ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน”

พร้อมกันนี้จะรับมือกระแสช็อปปิ้งออนไลน์ ด้วยการปรับไลน์อัพสินค้าในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไม่ให้ทับซ้อนกัน ด้วยการนำพฤติกรรมการเลือกสินค้าของผู้บริโภคมาใช้เป็นแนวทาง อย่างห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นผู้บริโภคระดับกลาง-บนที่ต้องการสัมผัส-ทดลองสินค้า จะใส่สินค้ารุ่นกลาง-ท็อปเข้าไป พร้อมกลยุทธ์กระตุ้นการตัดสินใจซื้อด้วยการให้ของแถม และการผ่อน 0% นาน 6-12 เดือน และสร้างประสบการณ์ผ่านการขายของพนักงาน แทนการทำโปรโมชั่นราคา นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับห้าง ตั้งพื้นที่ขายแบบสแตนด์อะโลนแยกจากคู่แข่งและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นเพื่อสร้างความโดดเด่น

ส่วนช่องทางออนไลน์อย่างแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลซซึ่งเป็นผู้บริโภคระดับแมส-กลางที่ให้น้ำหนักกับประเด็นราคาจะเน้นรุ่นเริ่มต้นที่ราคาจับต้องง่ายเป็นหลัก ทั้งนี้เชื่อว่าความนิยมช็อปออนไลน์และการโหมแคมเปญของมาร์เก็ตเพลซ อาทิ วันเลขเบิลที่จัดทุกเดือนจะไม่กระทบยอดขายของช่องทางออฟไลน์ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศ เป็นสินค้าที่ต้องใช้ทันทีเมื่อมีความจำเป็นไม่ว่าจะสถานการณ์ฝุ่นควัน หรือซื้อให้ครอบครัวที่มีลูกเล็กหรือญาติผู้ใหญ่

ส่วนเป้าหมายของปีนี้ นายบุญฤทธิ์ย้ำความเชื่อมั่นว่า ยอดขายอาจสามารถกลับมาเท่ากับปี 2562 หรือก่อนช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% แน่นอน และหากสถานการณ์ฝุ่นควันกลับมาอาจเติบโตได้ถึงเท่าตัว หลังจากปี 2565 นั้น แม้ยอดขายจะดีกว่าปี 2564 แต่ยังไม่ถึงระดับเดียวกับ 2562