อิชิตัน กำไรพุ่ง 3 ไตรมาสซ้อนหลังตลาดชาฟื้น ไฟเขียวจ่ายปันผล

อิชิตัน รับอานิสงส์ตลาดชาเขียวฟื้น-เทรนด์สุขภาพแรง หนุนรายได้ปี’65 รวม 6.3 พันล้าน พร้อมกำไรทุบสถิติสูงสุดติดต่อกัน 3 ไตรมาส ไฟเขียวอนุมัติจ่ายเงินปันผลอัตราหุ้นละ 0.60 บาท

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการปี 2565 มีไฮไลต์เป็นการทำกำไรนิวไฮ 3 ไตรมาสซ้อน โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่มีกำไร 192.9 ล้านบาท สูงกว่าช่วงไตรมาส 2-3 ที่เป็นไฮซีซั่น และปิดรายได้ 2565 ที่ 6,340.4 ล้านบาท เป็นผลจากหลายปัจจัยรวมกันไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม เทรนด์สุขภาพ และความสำเร็จของสินค้าใหม่อย่าง ตันซันซู

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า ช่วงที่ผ่านมากำลังซื้อฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ อย่าง CLMV จากสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติทั้งการทำงาน การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และการท่องเที่ยว

เช่นเดียวกับภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอล์ที่ชาพร้อมดื่มโตสูงสุดเหนือตลาดถึง 22.88% ในขณะที่ตลาดเครื่องดื่มโดยรวมเติบโตเฉลี่ย 6.2%

นอกจากนี้ความนิยมสินค้าไซซ์เล็กราคาประหยัด อาทิ อิชิตัน เย็นเย็น และไบเล่ หนุนให้สินค้ากระจายตัวเข้าถึงร้านค้าแบบดั้งเดิมมากขึ้น ทำให้การเติบโตของช่องทางนี้ของอิชิตันสูงขึ้น 35.67%

รวมถึงช่วยให้อัตรากำลังผลิตของโรงงานอิชิตัน กรีน แฟคทอรี่ ดีขึ้นตามไปด้วยจนปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉลี่ย 75 ล้านขวด/เดือน จนเกิด Economy of Scale ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อขวดต่ำลง และความสามารถการทำกำไรได้ดีขึ้น

เมื่อบวกกับกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น “Tansansu (ตันซันซู)” โคเรียนโซดา สำหรับเจาะกลุ่ม Gen Z ที่หลงใหลวัฒนธรรม K-POP ซึ่งเพิ่งเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรก “มาร์ค ต้วน (Mark Tuan) GOT7” ศิลปินเกาหลีระดับอินเตอร์ และ “อิชิตัน 0 แคลอรี พลัส คาเทชิน” ชาสูตรน้ำตาล 0% และ 0 แคลอรี พลัส คาเทชินมารับเทรนด์สุขภาพ

สินค้าใหม่นี้มีส่วนทำให้ไตรมาส 4 อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) แตะ 21% สูงกว่าไตรมาสระดับปกติเฉลี่ยอยู่ที่ 17.5% เป็นแนวโน้มที่ดี แสดงถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

ด้านตลาดต่างประเทศกลับมาฟื้นตัวเช่นกัน ตัวเลขการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ส่งสัญญาณบวก จากที่เคยติดลบช่วงโควิด-19 หลังการทำแคมเปญการตลาดต่อเนื่อง และเตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ส่วนธุรกิจ ICHITAN OEM SERVICE ปิดดีลจากลูกค้าใหม่รายใหญ่ 2 เจ้า คาดเริ่มผลิตภายในไตรมาส 1/2566 นี้ และยังอยู่ในขั้นตอนเจรจากับบริษัทอีกหลายแห่ง ส่วน อิชิตัน อินโดนีเซีย ผลประกอบการดีเกินคาดจากความสำเร็จในการพัฒนาสินค้าตรงใจผู้บริโภคอินโดนีเซีย จนสามารถรับรู้กำไรกลับมาไทย 82.2 ล้านบาท จากกำไรทั้งหมด 164.4 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

กรรมการผู้อำนวยการ อิชิตัน กรุ๊ป กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ผลประกอบการประจำปี 2565 บริษัทกลับมาท็อปฟอร์ม โดยมีกำไรสุทธิ 641.6 ล้านบาท หรือโตขึ้น 17.3% จากปีก่อนที่ทำได้ 546.8 ล้านบาท รายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 6,340.4 ล้านบาท โต 21.3%

และที่สำคัญผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ทำสถิติใหม่ เพราะสามารถทำกำไรนิวไฮ 3 ไตรมาสซ้อน ไตรมาส 4 กำไรที่ 192.9 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 2-3 ซึ่งเป็นไฮซีซั่น

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไฟเขียวอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ ต้องรอพิจารณาจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในวันที่ 27 เมษายน 2566