CP จับมือค่ายยักษ์เกาหลี ทางลัดปลุก Soft Power ไทย

พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา
สัมภาษณ์

การเปิดตัว THEBLACKLABEL Thailand Audition โปรเจ็กต์เฟ้นหาตัวศิลปินหน้าใหม่ ภายใต้ความร่วมมือของธุรกิจใหญ่ของไทย เครือ ซี.พี. กับ THEBLACKLABEL ค่ายเพลงระดับโลกจากเกาหลีใต้ของ TEDDY PARK ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปิน K-POP หลายราย ร่วมถึง BLACKPINK ได้สร้างทั้งเสียงฮือฮาให้กับวงการ พร้อมทั้งมีคำถามถึงที่มาที่ไป จุดประสงค์ ทิศทาง ฯลฯ ของความร่วมมือในครั้งนี้

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา” Chief Content Strategy, Investment and Partnership Officer ของเครือ ซี.พี. เกี่ยวกับแนวคิดความเป็นมา รวมถึงยุทธศาสตร์ ทิศทางในอนาคต และเป้าหมายของความร่วมมือที่สะเทือนวงการบันเทิงไทยและอาเซียนในครั้งนี้

ปลุก Soft Power ไทย

“พีรธน” เล่าถึงความเป็นมาของความร่วมมือนี้ว่า การจับมือระหว่างเครือ ซี.พี. กับ THEBLACKLABEL ร่วมทุนตั้งบริษัท THEBLACKSEA นี้จะเป็นการสร้าง soft power ที่แตกต่างจากที่ผ่าน ๆ มา ทั้งด้านวิธีการที่จะมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องลองผิดลองถูกนานเป็น 10 ปี เหมือนประเทศอื่น ๆ ด้วยโนว์ฮาวจากเจ้าตลาดอย่างเกาหลีใต้

โดยในแง่ขอบเขตจะไม่จำกัดเพียง soft power ของไทย แต่จะเป็นทั้งอาเซียน ด้วยการเฟ้นหาศิลปินจากทั้งภูมิภาค และเป้าหมายที่กว้างกว่าเรื่องอาหารหรือสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง แต่ครอบคลุมไปถึงคอนซูเมอร์โปรดักต์หลากหลาย ซึ่งจะถูกนำไปเจาะตลาดโลก ผ่านการสร้างดีมานด์ด้วยดนตรีที่เป็นภาษาสากล

ที่ผ่านมา soft power ไทยมักจำกัดอยู่เพียงอาหารไทยในลักษณะของร้านอาหารเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่างจาก soft power ของต่างชาติที่ครอบคลุมในหลากหลายสินค้าและระดับ อาทิ วัฒนธรรมกางเกงยีนส์ของอเมริกา บะหมี่สำเร็จรูปเกาหลี หรือขนมท้องถิ่นในญี่ปุ่น

ขณะนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ความสำเร็จอย่างล้นหลามของศิลปินไทย อย่าง ลิซ่า Blackpink บนเวทีโลก ศักยภาพทางเศรษฐกิจและจำนวนคนรุ่นใหม่ในอาเซียน ซึ่งเหมาะจะเป็นสถานที่ที่จะค้นหาผู้ที่มีความสามารถมาร่วมงาน

“จุดประสงค์และแนวทางของเราสะท้อนในความหมายของชื่อ BLACKSEA ซึ่ง Black ก็คือ THEBLACKLABEL ส่วน SEA มี 2 ความหมาย ความหมายแรกก็คือมหาสมุทรที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ ความลึกลับ และสิ่งที่สวยงามต่าง ๆ ที่อาจจะยังมองไม่เห็น และโจทย์ของเราที่จะเอาสิ่งที่สวยงามเหล่านั้นมาพัฒนาแล้วก็โชว์ให้ชาวโลกได้เห็น โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Southeast Asia หรือ SEA คือเป็นสถานที่ที่เราจะค้นหาสิ่งสวยงามเหล่านั้น”

นำมาสู่ความร่วมมือเพื่อต่อยอดความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 ฝ่าย คือ เครือ ซี.พี. ที่มีข้อมูลอินไซต์ของผู้บริโภคทั้งไทยและทั่วโลก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาคอนเทนต์และกลยุทธ์การตลาด ฐานธุรกิจหลากหลายวงการที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับศิลปิน ดึงดูดให้ผู้มีความสามารถจากทั่วภูมิภาคมาร่วมงานในสังกัด

รวมถึงความเชี่ยวชาญในวงการบันเทิงจากธุรกิจบันเทิงของ SM True นานกว่า 12 ปี ร่วมกับโนว์ฮาวการปั้นผลิตภัณฑ์ด้านบันเทิงของเอเชีย ทั้งศิลปินและงานเพลงให้ประสบความสำเร็จในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็น BLACKPINK, 2NE1, Bigbang ฯลฯ ของ Teddy Park ที่จะช่วยให้บรรลุจุดประสงค์ได้โดยไม่ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกนานนับ 10 ปี

ความร่วมมือนี้จะเป็นทางลัดที่จะช่วยให้สามารถผลักดัน soft power ของไทยและอาเซียนไปสู่ระดับโลกได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกนานหลายสิบปีเหมือนที่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศเคยใช้

มองใหญ่เจาะตลาดโลก

สำหรับยุทธศาสตร์ของ THEBLACKSEA นั้น “พีรธน” กล่าวว่า ยุทธศาสตร์หลักจะเป็นการปั้นผลิตภัณฑ์ด้านบันเทิงของอาเซียน ให้ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานแฟนคลับหรือแฟนดอมในตลาดโลกเป็นหลัก เนื่องจากความสำเร็จของศิลปินเกาหลีชี้ชัดว่า ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ด้านบันเทิงนั้นไม่มีพรมแดน ตัวอย่างเช่น Blink หรือแฟนคลับของวง BLACKPINK ซึ่งมีอยู่ทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะเกาหลีใต้ หรือภูมิภาคเอเชียเท่านั้น จนอาจเรียกได้ว่า คนรุ่นใหม่อาจจะคิดว่าตัวเองเป็น Blink มากกว่าเป็นชาติใดด้วยซ้ำ อีกทั้งกลุ่มแฟนดอมนี้มีศักยภาพทางธุรกิจสูง เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะให้การสนับสนุนศิลปินอย่างเต็มที่ รวมไปถึงซื้อสินค้าที่ศิลปินชื่นชอบหรือใช้เอง

ดังนั้นหากสามารถผลักดันให้ศิลปินประสบความสำเร็จในระดับโลกได้แล้วก็จะเกิดฐานแฟนดอมขึ้นในประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดระดับโลกตามมาโดยอัตโนมัติ

สำหรับ THEBLACKSEA นี้นอกจากทีมงานของไทย และตัว TEDDY PARK ที่ให้การสนับสนุนมาจากเกาหลีแล้ว THEBLACKLABEL ยังส่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และโปรดิวเซอร์จากเกาหลีมาประจำที่ไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเฟ้นหาและพัฒนาผู้มีความสามารถจากทั่วอาเซียน

หลังจากปิดการออดิชั่นออนไลน์ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ และออดิชั่นที่เป็นออฟไลน์วันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งทีมจาก THEBLACKLABEL จะบินมาร่วมคัดเลือกด้วย ก่อนที่ Teddy Park จะประเมินรอบสุดท้ายด้วยตัวเอง จนได้ผู้มีความสามารถจากประเทศไทยแล้ว บริษัทมีแผนจะเปิดออดิชั่นเพื่อหาผู้มีความสามารถในประเทศอื่น ๆ ของอาเซียนต่อไป

โดยการออดิชั่นเหล่านี้ไม่จำกัดว่าจะมีผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวนกี่คน และไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นความสามารถด้านเพลง แต่เปิดกว้างในทุกรูปแบบ ซึ่งหวังว่าจะได้ตัวผู้มีความสามารถมากกว่า 1 คน

เช่นเดียวกับผลงานที่จะออกสู่สายตาชาวโลกนั้น ไม่จำกัดว่าหากเป็นเพลงแล้วจะต้องเป็นเพลงภาษาไทย ภาษาเกาหลี หรือภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่อาจมีเพลงหลักและเพลงรองในหลายภาษาเช่นเดียวกับศิลปินเกาหลีที่แม้เพลงหลักจะเป็นภาษาเกาหลี แต่ก็มีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีนด้วย ทั้งนี้จะนำข้อมูลอินไซต์ผู้บริโภคในตลาดต่าง ๆ ของ ซี.พี. มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์หารสนิยมของตลาดโลก เพื่อหนุนการสร้างศิลปินและผลงานให้ประสบความสำเร็จในตลาดโลก

นอกจากการเฟ้นหาและพัฒนาศิลปินแล้ว THEBLACKSEA ยังมีหน้าที่เป็นตัวแทนการทำธุรกิจของ THEBLACKLABEL ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การเป็นตัวแทนศิลปิน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัท และนำมาใช้ในการพัฒนาศิลปินอีกต่อหนึ่ง

“การปั้นศิลปินไปสู่ตลาดโลกนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเครือ ซี.พี. ที่จะเป็น Global Company นำผลิตภัณฑ์แล้วก็ศักยภาพของคนไทยรวมอยู่บนเวทีเดียวกันกับบริษัทชั้นนำของโลก”

ยกระดับไทยเทียบเวทีโลก

สำหรับเป้าหมายของ THEBLACKSEA ผู้บริหารเครือ ซี.พี.ระบุว่า แม้จะยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสามารถเปิดตัวศิลปินหรือทีมศิลปิน รวมถึงผลงานแรกเมื่อใด เพราะหลักการของเราคือเน้นพัฒนาศักยภาพของศิลปินให้ถึงขีดสุดก่อนที่จะเปิดตัว เพราะศิลปินก็เหมือนเพชรที่การเจียระไนต้องให้โดดเด่นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และในอุตสาหกรรมบันเทิงความประทับใจแรกนั้นสำคัญมาก

โดยเป้าหมายระยะยาว ต้องการจะนำศิลปินไทย และศิลปินอาเซียนไปสู่เวทีโลก เช่น สร้างศิลปินไทยกรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จระดับโลก พร้อม ๆ กับยกระดับวงการบันเทิงไทยให้เท่าเทียมกับระดับโลก และเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ หันมาปั้นศิลปินไทยและอาเซียนออกสู่ระดับโลกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้ให้กับ soft power ของไทยและอาเซียนตามไปด้วย เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ ที่สำคัญ บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นผู้เล่นเบอร์ต้น ๆ ของอุตสาหกรรม

“พีรธน” ย้ำในตอนท้ายว่า การประสบความสำเร็จของศิลปินไทยในระดับโลกนี้จะไม่ต้องรอนานนับ 10 ปี เหมือนอย่างวงการ K-pop แน่นอน