สยามแม็คโคร เผยผลประกอบการไตรมาสแรก ต้นทุนค่าไฟ กระทบกำไรธุรกิจค้าปลีกลด 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2566 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 120,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,804 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.9 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย 114,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,776 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 2 พ.ค. 2567
- หวยงวด 2 พ.ค. เช็กสถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
- UCLA เดือด กลุ่มหนุนอิสราเอลบุกโจมตีค่ายกลุ่มหนุนปาเลสไตน์
ค่าไฟแพงฉุดกำไรค้าปลีก
ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มธุรกิจค้าส่งมีกำไรสุทธิ 1,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจค้าปลีกมีกำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.8 เหลือ 269 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ค่าไฟฟ้า และการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ (Upfront fee) จากการชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนดจำนวน 211 ล้านบาท
โดยบริษัทอธิบายว่า ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 กลุ่มธุรกิจค้าปลีกมีต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมทั้งสิ้น 10,197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 267 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากอัตราค่าไฟต่อหน่วยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมเท่ากับร้อยละ 18.6
ค้าส่งโตต่อเนื่อง
ส่วนการเติบโตของรายได้รวมนั้น เป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 7,371 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลังยอดขายภายในสาขา และการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งสินค้าที่รองรับการเติบโตจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศในทุกประเทศ รวมถึงธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการ และรายได้อื่นรวมทั้งสิ้น 2,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 680 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.0 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากกำไรทางบัญชีจาก
สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าจากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
ไปในทิศทางเดียวกับค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 3,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 348 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.9 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
ทั้งนี้ บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้า 1,969 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 219 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ
55.3 ซึ่งสูงขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 54.5
ด้านกำไรขั้นต้นจากการขาย ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 กำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 14.0 ของยอดขายรวม ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ร้อยละ 14.2 เป็นผลหลักมาจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็นร้อยละ 18.0 จากร้อยละ 18.6 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าส่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10.9 จากร้อยละ 10.4 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน