JSP ทุ่ม 25 ล้าน เปิดแล็บใหม่ แม่นยำ-ทำงานได้เร็วขึ้น 2 เท่า

JSP

JSP ทุ่ม 25 ล้าน เปิดแล็บใหม่ทันสมัยสุดในประเทศ ยกระดับงานวิจัยได้มาตรฐาน-แม่นยำขึ้น พร้อมลดขั้นตอนในการทำงานได้เร็วขึ้น 2 เท่า สามารถรองรับงานวิจัยพัฒนาได้ปีละ 6 โครงการ

วันที่ 21 มิถุนายน 2566 ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ เปิดเผยว่า

บริษัทได้เปิดใช้งานห้องปฏิบัติการ (แล็บ) แห่งใหม่อย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2566 โดยห้องแล็บใหม่นี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP PIC/S ที่ได้รับมาตรฐานถูกพัฒนาให้มีเครื่องมือวิเคราะห์คุณภาพด้วยความทันสมัยและมีความแม่นยำมากขึ้น ในการวิเคราะห์และประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในทุกรุ่น

เนื่องจากการผลิตเป็นการพัฒนาเพื่อควบคุมคุณภาพของการวิจัยและการทดลอง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการบ่งชี้ถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมประสิทธิภาพ 3 ด้านคือ คุณภาพ (Quality) ความปลอดภัย (Safety) และประสิทธิผล (Efficacy)

เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดได้รับการตรวจสอบและรับรองคุณภาพก่อนส่งออกไปถึงผู้บริโภค ซึ่งห้องแล็บและเครื่องมือที่มีคุณภาพรวมถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญถือเป็นหัวใจสำคัญของการตรวจสอบคุณภาพที่ได้มาตรฐาน

JSP

โดยปัจจุบัน แล็บของ JSP มีเครื่องมือหลักสำคัญของห้องปฏิบัติการมีดังนี้

1.HPLC รุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์หาสาระสำคัญในกัญชา กัญชง โดยเฉพาะ Potency Testing (Determination of 11+ Cannabinoids) Model Nexera i Series for Cannabis Analyzer System HPLC with PDA 1 LC-2050C 3D Integrated High-Performance Liquid Chromatograph

โดยมีคุณสมบัติในการแยกสาระสำคัญได้ดังนี้ Cannabidiol (CBD), Cannabinol (CBN), Delta9 THCA-A, THCV Cannabidivarin (CBDV), Cannabigerol (CBG), Cannabigerolic (CBGA), Cannabichromene (CBC) Cannabidiolic (CBDA)

2.HPLC (High Performance Liquid Chromatography, GC Gas Chromatography, Auto Titrator, Spectral Chromatography) เครื่องตรวจวิเคราะห์หาปริมาณสาระสำคัญ (Assay) และตรวจวัดสิ่งปนเปื้อน (Impurities) โดยเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้ทำให้เราสามารถตรวจสอบหาปริมาณสารสำคัญได้อย่างแม่นยำมากขึ้น รวมถึงสามารถตรวจสอบสารปนเปื้อนในวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

3.เครื่อง FT-IR (Fourier Transform Infrared Spectrometer) เป็นเครื่องตรวจหาเอกลักษณ์ Identification ของสารที่ตรวจสอบออกมาในรูปแบบของ Finger Print ที่จะทำให้เราพิสูจน์และมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบที่ถูกชนิดตามที่มาตรฐานกำหนด

4.ห้อง Clean Room Class 100,000 พร้อม Laminar Air Flow ที่ใช้สำหรับตรวจสอบเชื้อปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ ทั้งเชื้อทั่วไปและเชื้อที่ก่อโรคสำหรับมนุษย์

สำหรับแล็บใหม่นี้ JSP ใช้งบประมาณในการลงทุนรวมทั้งสิ้น 25 ล้านบาท ทั้งนี้การเปิดใช้ห้องแล็บใหม่จะทำให้กระบวนการทำงานด้านวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ JSP ทำได้รวดเร็วขึ้น 2 เท่า เพิ่มความสามารถในการรับงานวิจัยได้มากขึ้นเป็นปีละ 6 โครงการ

โดยแล็บของ JSP ไม่ได้รองรับงานวิจัยภายในบริษัทแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเปิดกว้างให้บุคคลภายนอกที่มีงานวิจัยด้านการพัฒนายาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งคนและสัตว์ รวมถึงเครื่องสำอางให้เข้ามาใช้บริการได้

ทั้งนี้ปัจจุบันอุตสาหกรรมยาไทยในปี 2565 ที่ผ่านมามูลค่ารวมตลาดในประเทศอยู่ที่ประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาท ยาที่ผลิตได้ 90% ใช้บริโภคในประเทศ ประเด็นท้าทายที่สำคัญของอุตสาหกรรมยาไทยคือ ต้องพัฒนาให้สามารถแข่งขันและส่งออกได้มากขึ้น แม้ปัจจุบันยามีโรงงานอยู่หลายแห่ง แต่มีโรงงานอยู่ไม่มากที่ได้รับมาตรฐาน GMP-Pic/S

อีกทั้งไทยยังนำเข้าวัตถุดิบตัวยาจากต่างประเทศสูงถึง 90% ดังนั้นการมีห้องปฏิบัติการที่ดีและเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้งาน จะเป็นการส่งเสริมให้ไทยสามารถคิดค้นสูตรยาและเข้าตำรับยาได้เอง เพื่อลดการนำเข้าวัตถุดิบตัวยาจากต่างประเทศ