LG ทุ่ม 300 ล้านโหมปั้นยอดขาย OLED TV

LG ทุ่ม 300 ล้านโหมปั้นยอดขาย OLED TV

LG ทุ่มงบฯ 300 ล้านโหมปั้นยอดขาย OLED TV หลังโตต่อเนื่อง 3 ปีสวนสถานการณ์โควิด-19 ยกทัพสินค้าใหม่ทั้งรุ่นจอยักษ์ 97 นิ้ว เทคโนโลยีใหม่เพิ่มความสว่าง 70% พร้อมผนึกคู่ค้าจัดโปรกระตุ้นยอดขาย

วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 นายอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา OLED TV เป็นเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพสูงในตลาดทีวี สะท้อนจากการเติบโตต่อเนื่องตลอดระดับ 16-42% ตลอดช่วงการระบาดของโควิด-19 ระหว่างปี 2563-2565 ที่ผ่านมา จนมีมูลค่า 919 ล้านบาท และสัดส่วนเพิ่มจาก 1.9% เป็น 4% ของตลาดรวม และปี 2566 นี้มีโอกาสโตอีกถึง 60% คิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านบาท และมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 5.5% ของตลาดทีวี

ขณะที่ภาพรวมตลาดทีวีปี 2565 มีมูลค่า 23,200 ล้านบาท ส่วนปี 2566 นี้คาดว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 2% หรือขยับมามีมูลค่า 23,600 ล้านบาท เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงเป็นช่วงที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการอัพเกรดทีวีที่มีอยู่เดิมหลังชะลอไว้ในช่วงการระบาดของโควิด-19

“นอกจากผู้บริโภคแล้ว ช่วงครึ่งหลังของปี 2566 นี้บรรดาดีลเลอร์และร้านค้ายังเริ่มลงทุนอัพเกรดหน้าร้านและทำโปรฯ ส่งเสริมการขายกันคึกคักมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการขายในช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มกลับมาเลือกซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านกันมากขึ้นทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด”

ในปีนี้ทีวีที่ผู้บริโภคมองหาจะเป็นจอใหญ่ 70 นิ้วขึ้นไป มีฟังก์ชั่นหลากหลายทั้งความบันเทิง ประชุมออนไลน์ ฯลฯ รวมถึงดีไซน์ที่เรียบหรูเข้ากับแนวทางการแต่งบ้านได้

เปิดตัว OLED รุ่นใหม่พร้อมเพิ่มความสว่าง 70%

สำหรับบริษัทจะใช้จังหวะที่ตลาดฟื้นตัวและกระแสนิยม OLED TV มาแรงนี้ทุ่มงบฯ 300 ล้านบาท ผลักดันรายได้จากกลุ่มสินค้าความบันเทิงในบ้าน โดยมี OLED TV เป็นหัวหอก อาศัยความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีบริการหลังการขายและราคา จากการมีผู้ผลิตหน้าจอ OLED รายใหญ่อย่าง LG Display อยู่ในเครือ เช่นเดียวกับทีวีระดับพรีเมี่ยมรุ่นอื่น ๆ อาทิ QNED MiniLED, LG StanbyME

โดยมีสินค้าไฮไลต์ 3 รุ่น คือ

LG OLED evo 4K ซีรีส์ G2 ขนาด 97 นิ้ว ซึ่งเป็นทีวี OLED ความละเอียด 4K ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้ ราคา 999,990 บาท และ LG OLED evo 4K ซีรีส์ G3 ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยี Brightness Booster Max เพิ่มความสว่างขึ้นอีก 70% ตามด้วย LG OLED Posé ขนาด 55 ราคา 67,990 บาท ที่เน้นความเป็นเฟอร์นิเจอร์

พร้อม OLED TV รุ่นอื่น ๆ อีก 4 ซีรีส์ คือ Z3, G3, C3 และ B3 รวม 11 รุ่นขนาดตั้งแต่ 48-88 นิ้ว ราคา 49,990-999,990 บาท

ส่งจอติดล้อชิงตลาดแท็บเลต

ด้านกลุ่มทีวีแบบแอลอีดีและมินิแอลอีดี มีไฮไลต์เป็น LG StanbyME จอสัมผัสขนาด 27 นิ้ว พร้อมแบตเตอรี่และขาตั้งแบบมีล้อ เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ ตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคปัจจุบันที่นิยมชมคอนเทนต์ผ่านแท็บเลตในจุดต่าง ๆ ของบ้าน

ส่วนรุ่นอื่น ๆ ประกอบด้วย LG QNED 3 ซีรีส์ 10 รุ่น ได้แก่ LG QNED MiniLED ซีรีส์ QNED86 4K ซีรีส์ QNED80 4K และซีรีส์ QNED75 4K ในขนาด 55-86 นิ้ว ราคา 24,990-149,990 บาท ตามด้วย LG NanoCell อีก 2 ซีรีส์ 8 รุ่น และ LG UHD ทั้งหมด 4 ซีรีส์ 15 รุ่น ราคา 12,990-84,990 บาท

ผนึกคู่ค้าจัดโปรฯ-เพิ่มตัวโชว์

ด้านการทำตลาดผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทแอลจี อธิบายว่า จะจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการขาย เช่น การจับคู่กับเครื่องเสียงในราคาพิเศษ, ผ่อน 0%, เปิดสั่งสินค้าล่วงหน้าหรือพรีออร์เดอร์ เช่นเดียวกับการจับมือคู่ค้าจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายหน้าร้าน อัพเกรดการตกแต่งจุดจำหน่าย

นอกจากนี้ยังเพิ่มสินค้าตัวโชว์โดยเฉพาะ OLED TV และรุ่นไซซ์ใหญ่ในช่องทางต่าง ๆ ให้มากและหลากหลายขึ้น เช่น ในไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเดิมเน้นรุ่นระดับกลางหรือเริ่มต้น อีกด้วย

ทั้งนี้คาดว่าด้วยสินค้ารุ่นใหม่และการทำตลาดเข้มข้นจะทำให้ยอดขายทีวีเติบโต 8% เป็น 4,930 ล้านบาท โดยยอดขายใน OLED TV เพิ่มขึ้น 60% และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของแอลจีในตลาดทีวีโดยรวมถึง 21% ภายในปี 2566 รวมถึงผลักดันรายได้รวมของบริษัทในปี 2566 นี้ให้เติบโตได้ถึง 10% จากรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ที่ผ่านมา