เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ อู้ฟู่ ไตรมาส 2 กำไรเพิ่มกว่า 300%

​เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 กวาดรายได้ 2,283 ล้าน กำไรเบาะ ๆ 532 ล้าน โตขึ้น 306% ประกาศเดินหน้าขยายโรงหนังเพิ่มให้ครบ 1,200 โรง ในปี 2030

วันที่ 12 สิงหาคม 2566 นางสาวฐิติตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินและบัญชี บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2566 ว่า บริษัททำรายได้รวม 2,283 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 532 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรายได้รวมปรับเพิ่มสูงขึ้น 39% กำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้น 306% โดยมีปัจจัยจากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 1,178 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์น 654 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา 244 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่ง 102 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจพื้นที่เช่า 63 ล้านบาท และรายได้จาก Movie Content 42 ล้านบาท

ส่งผลให้ภพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก ปี 2566 บริษัทมีรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 3,873 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 603 ล้านบาท รายได้รวมเพิ่มขึ้น 40% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 288% เทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565

ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจหลังจากการคลี่คลายของโควิดและลูกค้ากลับมาใช้บริการและดูหนังในโรงเพิ่มมากขึ้น และกลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ประกอบกับในช่วงครึ่งปีแรกมีหนังฮอลลีวู้ดที่ได้รับความสนใจเข้าฉายหลายเรื่องและทำรายได้ได้ดีต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โรงหนังจะขาดไม่ได้ คือ คอนเทนต์ หรือหนัง ที่จะเป็นตัวดึงดูดให้ลูกค้ากลับเข้ามาดูหนัง โดยในปี 2566 มีหนังต่างประเทศเข้าฉาย 199 เรื่อง หนังไทยเข้าฉาย 50 เรื่อง ซึ่งนอกจากมีหนังฮอล ลีวู้ดแล้ว หนังไทยก็เป็นอีกจุดขายสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากลับมาดูหนังมากขึ้น

สอดคล้องกับเป้าหมายของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่เน้นการพัฒนาและสนับสนุนการสร้างหนังไทย หวังผลักดันให้มาร์เก็ตแชร์ของหนังไทยให้ได้ 50% ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หนังไทยอยู่ที่ 27% และหนังต่างประเทศ 73% ซึ่งครึ่งปีแรกมีหนังไทยเข้าฉายไปแล้ว 20 เรื่อง หนังไทยที่ทำรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก คือ ขุนพันธ์ 3 ทำรายได้รวม 110 ล้านบาท, Long Live Love 90 ล้านบาท ปัจจุบันยังฉายอยู่ คาดการณ์รายได้จะถึง 100 ล้านบาท และทิดน้อย 88 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังมีหนังไทยเข้าฉายอีก 30 เรื่อง มีหนังไทยที่น่าสนใจ 9 เรื่อง อาทิ แมนสรวง, ไปรษณีย์ 4 โลก, 14 Again, นักรบมนตรา, ธี่หยด, Not Friend, อีสานซอมบี้, 4 Kings 2 สลิธ โปรเจกต์ล่า

นอกจากนี้ ยังผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรมาช่วยผลิตหนังไทยป้อนสู่ตลาด ปีหน้าคือปีที่โดดเด่นของหนังไทย มีพาร์ตเนอร์มา Synergy มากขึ้น และในส่วนของกลุ่มเมเจอร์ฯตั้งเป้าหมายผลิตหนังไทยเข้าฉายให้ได้ปีละ 20 เรื่อง และยังส่งขายลิขสิทธิ์หนังไทยให้กับทาง Netflix, Amazon, Prime และสตรีมมิ่งเจ้าอื่น ๆ

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดหนังไทย เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็น Tollywood จึงได้ตั้งเป้าปักหมุดขยายโรงหนังเพิ่มให้ครบ 1,200 โรง ภายในปี 2030 หรือ ในปี 2573 ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปี 2566 เดินหน้าขยายสาขาโรงภาพยนตร์ 8 สาขา 40 โรง ด้วยงบฯลงทุน 600 ล้านบาท

ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีสาขาโรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการ รวม 178 สาขา 825 โรง เป็นในประเทศ 169 สาขา 779 โรง แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 47 สาขา 345 โรง
สาขาในต่างจังหวัด 122 สาขา 434 โรง ส่วนต่างประเทศมี 9 สาขา 46 โรง เป็นสาขาในประเทศลาว 3 สาขา 13 โรง สาขาในประเทศกัมพูชา 6 สาขา 33 โรง