“เถ้าแก่น้อย” อัพเป้ายอดขาย เร่งเครื่องเจาะยุโรป-เกาหลี

เถ้าแก่น้อย
สาหร่ายเถ้าแก่น้อย

“เถ้าแก่น้อย” ปรับเป้ายอดขายปี 2566 จาก 15% เป็น 20% หลังตัวเลขดีเกินคาดชูกลยุทธ์ “3GO” เดินหน้าขยายธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศ เร่งศึกษาบุกตลาดยุโรป-เกาหลี หลังดีมานด์แรงต่อเนื่อง เผยครึ่งปีหลังจ่อขึ้นราคาขายบางประเทศ หลังต้นทุนสาหร่ายลอตใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก และทิศทางธุรกิจและการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 นี้ ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175%

จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล
จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล

ทำให้ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-มิถุนายน) มีรายได้รวมประมาณ 2,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170% ถือว่าเติบโตได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งมีปัจจัยมาจากที่บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย การนำระบบการอบมาใช้ ทำให้มีมาร์จิ้นสูงขึ้น และการสร้างยอดขายในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น

ADVERTISMENT

สำหรับช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์ 3GO อย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้นและมีคุณค่า ผ่านการพัฒนาสินค้านวัตกรรมกลุ่มใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ามากขึ้น เพื่อขยายไปสู่ตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพ

โดยตลาดหลักอย่างประเทศจีน ที่ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะกำลังเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่โมเมนตัมของยอดขาย บริษัทยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมุ่งเน้นการทำกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางออฟไลน์ เพื่อกระตุ้นการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่

ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกา จะมีการนำผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ และรูปแบบของปรับขนาดห่อใหญ่หลากหลายรสชาติ เข้าไปจำหน่ายยัง COSTCO ในรัฐอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น เทกซัส และมินิโซตา เป็นต้น อีกทั้งได้นำสินค้ากลับไปขายในบางช่องทางที่หายไปด้วย อย่างห้างขนาดใหญ่ของฟิลิปปินส์ ในสหรัฐ ส่วนตลาดในอินโดนีเซียและมาเลเซีย มีแผนจะเพิ่มผลิตภัณฑ์สาหร่ายรสชาติใหม่ ๆ และมุ่งเน้นการครีเอตผลิตภัณฑ์เถ้าแก่น้อยให้เข้ากับวันสำคัญต่าง ๆ และนำสินค้าไปโรดโชว์ตลาดคอมมิวนิตี้ต่าง ๆ เพื่อเจาะกระแสวัยรุ่น

ADVERTISMENT

รวมถึงยังมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดในตลาดแถบยุโรป โดยเฉพาะในอังกฤษและเกาหลีเพิ่มเติม โดยตลาดเกาหลีในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมามีการจำหน่ายผ่านร้าน COSTCO และได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งในเดือน ก.ย.นี้ จะเริ่มขยายเข้าสู่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศเกาหลี ซึ่งผลิตภัณฑ์จะแตกต่างจากสาหร่ายอบที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดเกาหลี เพื่อสร้างความแตกต่าง

“เราอาจมีการพิจารณาปรับขึ้นราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์สาหร่ายใหม่ในบางประเทศเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนสาหร่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15%”

ADVERTISMENT

นายจิระพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีการปล่อยน้ำเสียจากเตาปฏิกรณ์ปรมาณูลงทะเลญี่ปุ่นว่า ไม่มีผลกระทบกับสาหร่ายที่บริษัทนำเข้าจากประเทศเกาหลี เนื่องจากกระแสน้ำไม่ได้พัดไปยังพื้นที่เพาะปลูกในเกาหลี แต่พัดไปยังแปซิฟิกเหนือ ก่อนจะพัดกลับมาทางทะเลจีนใต้ ซึ่งคาดจะใช้เวลาราว 5-10 ปี ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นค่าความเข้มข้นน่าจะลดลงเหลือ 1 BQ/KG และการจัดซื้อในปี 2567 บริษัทได้กำหนดให้ซัพพลายเออร์ ทำ lab test น้ำบริเวณที่มีการเพาะปลูกสาหร่ายเพิ่ม

สำหรับร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ได้วางเป้าหมายยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เติบโตไม่น้อยกว่า 10% ปัจจุบันมีสาขาที่เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ 1 สาขา และมีแผนจะเปิดตัวเพิ่มเติมในช่วงต้นปี 2567 อีก 1 สาขา รวมทั้งการนำสินค้าเข้าไปขายแบบ shop in shop อย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาจากโลเกชั่น และทำเลเป็นหลัก และสำหรับธุรกิจร้านอาหารมีแผนจะเปิดร้าน 71 หมูกระทะ เพิ่มเติมอีกด้วย

“จากแผนธุรกิจและแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้มีการปรับเป้ายอดขายในปี’66 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% จากเดิมคาดโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่คาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 จะเติบโตดีกว่า 15%” นายจิระพงษ์กล่าว