ซีพีแรม เปิดตัว 5 สินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ “ครีเอเตอร์” อาหารกลุ่มใหม่สำหรับผู้สูงอายุ ในราคาเริ่มต้น 59-79 บาท ตั้งเป้าสิ้นปี 2566 กวาดรายได้ 50 ล้านบาท
วันที่ 28 กันยายน 2566 นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอาหารสำหรับผู้สูงอายุ มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุตามการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรโลก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ซึ่งข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีการคาดการณ์จำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 3 ต่อปีโดยในปี พ.ศ. 2573 (2030) คาดว่าจะมีจำนวนประชากรสูงอายุมากถึงประมาณ 1.4 พันล้านคนและจะเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านคนในปี พ.ศ. 2593 (2050)
ขณะเดียวกันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สุงอายุอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2565 โดยมีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรไทยทั้งหมด ซึ่งผู้สูงอายุกำลังเป็นผู้บริโภคกลุ่มขนาดใหญ่ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกำลังซื้อของผู้สูงอายุอยู่ในระดับค่อนข้างสูง
ซึ่งการเตรียมตัวรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง นวัตกรรม ตลอดจนงานวิจัยมาพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
ล่าสุด บริษัทจึงได้เปิดตัวกลุ่มสินค้าใหม่ภายใต้ตราสินค้า “ครีเอเตอร์” อาหารกลุ่มใหม่สำหรับผู้สูงอายุ ที่เน้นให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ โดยจะมีทั้งหมด 5 เมนู อาทิ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ต้มจับฉ่าย ข้าวต้มปลากะพง โจ๊กหมู และเส้นใหญ่ราดหน้าปลาเต้าซี่ ในราคาเริ่มต้น 59-79 บาท โดยจะเน้นเจาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อ
ทั้งนี้ ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วในโรงพยาบาล ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ อาทิ แม็คโคร โลตัส และร้านค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพชั้นนำทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทก็มีแผนที่จะเตรียมออกสินค้าใหม่ ๆ ภายใต้แบรนด์ “ครีเอเตอร์” ออกมาเรื่อย ๆ เพื่อตอบรับเทรนด์ของผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการเปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับผู้สูงอายุในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาช่วยกระตุ้นให้ยอดขายของบริษัทเติบโตตามเป้าอย่างแน่นอน
โดยในปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 50 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 300 ล้านบาท และในปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to eat) โดยรวมก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเห็นได้จากความคึกคักของนักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผู้คนเริ่มมีความคุ้นชินกับการรับประทานอาหารแช่แข็งที่สะดวกและรวดเร็ว ส่งผลทำให้ตลาดเริ่มกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง
