ก้าวสู่ Marketing 6.0 การตลาดเทรนด์ใหม่-มาแรง

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ
สัมภาษณ์พิเศษ

ถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย สำหรับงาน World Marketing Forum ครั้งที่ 3 ที่ได้รับความไว้วางใจจาก Asia Marketing Federation (AMF) ให้จัดงาน ในระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายนนี้ ที่ห้องไปรษณีย์นฤมิต อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก

ล่าสุด ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงาน ในหัวข้อ “Welcome To The New Marketingverse : Meta Mitri Meetang” เป็นการอัพเดตเทรนด์ และมองถึงอนาคตที่จะไปข้างหน้า โดยมีวิทยากรมาจาก 5 ทวีปทั่วโลก มาให้มุมมองและชี้ให้เห็นเทรนด์การตลาดยุคใหม่

Philip Kotler ไลฟ์สดถึงไทย

ดร.บุรณินให้ข้อมูลว่า การจัดงานปีนี้จะมาในธีมที่เป็นเรื่อง Marketing 6.0 โดยกูรูธุรกิจและการตลาด 30 ท่าน จาก 5 ทวีป พร้อมเปิดตัวหนังสือโลกการตลาดยุค 6.0 (Marketing 6.0)

โดย 3 คีย์แมนหลักโดยเฉพาะปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลก หรือบิดาการตลาดสมัยใหม่ Prof. Philip Kotler ที่จะ live จากฟลอริดา เข้ามาพูดคุยกันในงานแบบเรียลไทม์ (09.40-10.10 น. วันที่ 16 พ.ย.) ในหัวข้อ “A Lifetime of Marketing Wisdom Through the Winds of Change” เป็นการเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวงการการตลาด และเปิดแนวทางการตลาดยุค 6.0 ที่กำลังจะมาถึง

ขณะที่ Hermawan Kartjaya ผู้ร่วมก่อตั้งของ World Marketing Forum (WMF) และประธานสหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย หรือ Asia Marketing Federation (AMF) จะนำเข้าสู่จักรวาลการตลาดยุคใหม่ “The New Marketingverse” เป็นการอุ่นเครื่องให้เราทุกคนพร้อมเดินทางสู่จุดหมายใหม่ร่วมกัน

ส่วน Iwan Satiawan ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Marketeers Infonesia ซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือ “Marketing 6.0 The Future is Immersive” กับ Philip Kotler และ Hermawan Kartjaya “Marketing 6.0 The Future is Immersive” จะ live มาแชร์เรื่อง Unveiling Marketing 6.0 กับโลก Marketingverse ที่ไม่มีเส้นกั้นพรมแดน (15.45-16.15 น. วันที่ 16 พ.ย.)

ADVERTISMENT

นอกจากในฝั่งงานที่เป็นอินเตอร์ จะมีตัวแทนของแต่ละภูมิภาคแล้ว สมาคมยังได้เชิญทางนักธุรกิจ และผู้ประกอบการไทย เช่น จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์,

ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารธุรกิจและการตลาด Chulalongkorn Business คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น

นอกจากนี้ ในวันที่ 2 ของงาน ยังจะมีการนำเสนอ case study ของธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จ ในเรื่องของ Meta และ Mitri อีกจำนวนหนึ่ง อาทิ บริษัท แปลน ครีเอชั่น, บูติคนิวซิตี้, นันยางมาร์เก็ตติ้ง, ฟู้ด แพชชั่น, Carnival เป็นต้น

การตลาด 6.0 เจาะคนเจนใหม่

ดร.บุรณินยังกล่าวด้วยว่า หากย้อนกลับไปตั้งแต่ การตลาด ยุค 1.0 หลักใหญ่ก็คือ เรื่องของ products คือเรื่องของ quality ของ product experience และถัดมา การตลาด 2.0 ก็คือ customer experience จะมีคําว่า CRM อะไรออกมา ก็คือเรื่องเป็น consumer centric และพอถึง การตลาด 3.0 ในช่วงปี 2010 ก็จะมีเรื่องจิตวิญญาณ เรื่อง CSR, CSV เข้ามา คือ ไม่ใช่แค่ลูกค้า ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ และพูดถึงคนทุกคนที่จะต้องอยู่อย่างในลักษณะที่เป็นเรื่อง human being

ส่วนการตลาด 4.0 ประมาณปี 2017 ที่เริ่มมีการเอาเรื่องเทคโนโลยีมาใช้ในการทําตลาดมากขึ้น ถัดมาใน การตลาด 5.0 สักช่วงปี 2021 ที่การพูดถึงดิจิทัลอย่างเดียวไม่พอแล้ว แต่จะพูดถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งไม่ใช่แค่อีคอมเมิร์ซแล้ว แต่มันคือ technology for humanity ที่เป็นการพูดถึงการตลาดที่ฉลาดขึ้น เป็นการเอาเรื่อง data analytics มาใช้ เอาเรื่อง big data และเป็นเรื่อง personalized marketing ที่เป็นการเจาะลงไปที่แต่ละคนแล้ว จากการตลาดสมัยเดิมที่บอกว่าเป็น mass เป็น segmentation เป็น fragmentation

สำหรับปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง หนังสือเล่มใหม่กำลังจะออกก็คือ Marketing 6.0 อันนี้เขาบอกว่ามันไม่ใช่แค่ online to offline หรือ offline to online ที่เป็น Omni Channel แบบเดิมแต่มันจะเป็นโลกจริงกับโลกเสมือนผสมผสานซึ่งกันและกัน ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว เช่น เรื่องของ musical ฉากข้างหลังเป็นรูปแบบที่เป็นออนไลน์หมด เป็นโลกเสมือนหมด แต่นักร้องเป็นนักร้องปกติ วงดนตรีก็เป็นวงดนตรีปกติ แต่ข้างหลังฉากนี่ซึ่งเห็นมันก็จะมีความสวยงาม แล้วก็มีเป็นอะไรต่าง ๆ

นอกจากนี้ คีย์สําคัญของ การตลาด 6.0 ก็จะรองรับคน generation ใหม่ คือ Gen Z และ Gen Alpha และเทรนด์ตรงนี้จะมาเป็นตัว lead ของการตลาดในยุคหน้า และเป็นโอกาสที่จะช่วยยกระดับนักการตลาด ซึ่งสอดคล้องกับช่วงที่เวลานี้ ประเทศไทยเริ่มมีการพูดถึง branding ที่เป็น national branding เรื่อง soft power

เมตา-ไมตรี-มีตังค์ กุญแจสำคัญ

นายกสมาคมการตลาดฯบอกด้วยว่า “งานนี้จะเป็นการเปิดโลกการตลาดยุค 6.0 ในทุกมิติ ใน ‘จักรวาลการตลาดยุคใหม่’ เราจะเชื่อมโลกที่แตกต่าง ‘เมตา’ และ ‘ไมตรี’ จะทำให้เรา ‘มีตังค์’ ได้อย่างไร เมื่อโลกแห่งความเป็นจริงผสานรวมกับเทคโนโลยีแห่งโลกดิจิทัล เราจะสามารถยกระดับประสบการณ์การตลาดไปอีกขั้น แต่เราต้องไม่ลืมหัวใจของความเป็นมนุษย์ ทั้งด้าน ความเข้าใจ เห็นใจ และมีไมตรีต่อกัน”

“…คนทั่วไปเวลาพูดถึงเทคโนโลยีจะชินกับคําว่า disruption คือ เทคโนโลยีจะไปแทนที่อย่างอื่น ๆ แต่เรากำลังจะบอกว่า อนาคตเทคโนโลยีจะต้องเป็นสิ่งที่ผสมผสานกัน ไม่ใช่ disrupt จะต้องเป็น nondisrupt ที่เป็นการเอื้อซึ่งกันและกัน จึงเป็นที่มาของการใช้คำว่า Meta-Mitri-Meetang (เมตา-ไมตรี-มีตังค์) Meta คล้าย ๆ เมตตา ส่วน Mitri ก็คือความ synergy ความ empathy หรือความที่เป็น networking เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เนี่ยช่วยสร้าง ecosystem ไม่ใช่เอาเทคโนโลยีเพื่อไปแทน หรือไปทําให้เกิดความได้เปรียบ หรือทําให้บางบริษัทล้มหายตายจาก”

“ที่สําคัญ ถ้าเราทำ Meta-Mitri ได้ดี เราน่าจะมีโอกาสประสบความสําเร็จ และเป็นที่มาของคําว่า Meetang แต่ มีตังค์ ไม่ได้หมายความว่ารวยมากมายอะไร แต่หมายถึง การพออยู่พอกิน พอมีเงินลงทุนใหม่ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ต้องมีวินัยทางการเงิน เพราะว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคที่เงินมีจํากัด ดอกเบี้ยแพง ฉะนั้น นักการตลาดรุ่นใหม่จะต้องให้ความสําคัญ”

“แม้เทคโนโลยีจะเป็นตัวนําในอนาคต แต่ขณะเดียวกัน เราก็ยังมีความเปราะบางในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่อง geopolitic ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าเรานํามาผสมผสานกันได้ก็จะทําให้เราสามารถที่จะแข่งขันได้ นักการตลาดสามารถใช้แนวคิดนี้ไปในการพัฒนาแบรนด์ พัฒนาโปรดักต์ หรือพัฒนาตัวเทคโนโลยีของตัวเอง”

ดร.บุรณินบอกด้วยว่า การตลาด 6.0 จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับการเปลี่ยน business model ซึ่งตอนนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นบ้างแล้ว หลาย ๆ บริษัทเริ่มมีการเปลี่ยน business model และมีการใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์

หลักการของ การตลาด 6.0 จะเป็นการใช้เทคโนโลยีที่ต้องมีการผสมผสานเรื่อง branding เรื่อง positioning เรื่อง business model ที่สําคัญคือ เป็นเทคโนโลยีที่มุ่งที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคเนี่ยเป็นศูนย์กลาง แล้วก็มีการปรับให้มันสอดคล้องกัน หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เป็นการเอาเทคโนโลยี กับ human มารวมกัน แล้วเพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดี อันนี้เป็นสิ่งที่สําคัญ อย่างไรก็ตาม พอเป็นมาร์เก็ตติ้ง เป็นสิ่งที่เทคโนโลยีที่นักการตลาดคิด content ยังคงต้องมี เพราะ content เป็นตัววาง story ทั้งหมด

นายกสมาคมการตลาดฯย้ำในตอนท้ายว่า “งานนี้เหมาะกับใคร ผู้บริหารระดับสูงผู้ C-levels, top executives ที่ต้องใช้วิสัยทัศน์นำทางองค์กรเจ้าของกิจการ entrepreneurs ผู้ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง เติบโต ตลอดจนผู้บริหารด้านการตลาดที่ต้องการ reskill-upskill ที่ต้องการปรับเปลี่ยนทั้ง strategy & action รวมถึงผู้ที่ต้องการเปิดมุมมองใหม่ ๆ ด้านธุรกิจและการตลาด โดยภายในงานเป็นการแชร์ภาษาอังกฤษและแปลไทย นอกจากนี้ยังเปิดให้นิสิต นักศึกษา หรือมหาวิทยาลัยที่สนใจ สามารถลงทะเบียนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย”