เปิดประวัติ ณัฐธีรา บุญศรี ทายาทตระกูลจิราธิวัฒน์ ชั่วโมงบินเกือบ 20 ปีในวงการรีเทล สู่การเป็นแม่ทัพคนใหม่แห่งห้างเซ็นทรัล-ห้างโรบินสัน
ชื่อของ “ณัฐธีรา บุญศรี” ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่วันมานี้ หลังจากกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล อย่างเซ็นทรัล และโรบินสัน แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนห้างสรรพสินค้าทั้ง 2 แบรนด์นี้
และที่ผ่านมา แม่ทัพหญิงคนใหม่นี้ มีผลงานในการบริหารที่น่าสนใจ โดยเฉพาะด้านการปรับโฉมพื้นที่ห้างสรรพสินค้า
“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนทำความรู้จักเรื่องราวของแม่ทัพคนใหม่คนนี้ให้มากขึ้น
รู้จัก “ณัฐธีรา บุญศรี”
ณัฐธีรา บุญศรี หรือ โอ๊ต เป็นทายาทรุ่น 3 ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ตระกูลผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรเซ็นทรัลที่ก่อตั้งมานานกว่า 7 ทศวรรษ โดยณัฐธีรา เป็นลูกสาวคนโตของ บุญบรรลือ นรพัลลภ และรัตนา (จิราธิวัฒน์) นรพัลลภ น้องสาวของสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้งห้างเซ็นทรัล มีน้องสาวหนึ่งคนคือ เอ๊ะ-ธาพิดา นรพัลลภ
ณัฐธีรา จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์จาก Boston College และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก Harvard Business School จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ชีวิตส่วนตัวนั้น ณัฐธีรา บุญศรี สมรสกับ ณัฐวุฒิ บุญศรี นักธุรกิจทายาทเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของ “ฮอนโมโนะ ซูชิ” ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม และมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ ด.ช.ณพัช บุญศรี และ ด.ญ.ณริศา บุญศรี
เชี่ยวชาญด้านการพลิกโฉมพื้นที่ห้าง
ณัฐธีรา บุญศรี ทำงานอยู่ในวงการรีเทลมาเกือบ 20 ปี ผ่านการทำงานมาแล้วในทุกภาคส่วนของการบริหารห้าง โดยตำแหน่งล่าสุดก่อนเข้ามาเป็นแม่ทัพใหญ่ของเซ็นทรัล และโรบินสัน คือ ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจพาณิชย์ (Chief Commercial Officer) ของเครือเซ็นทรัล รีเทล รับผิดชอบดูแลในส่วนการผนึกกำลังระหว่างกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น อาหาร ฮาร์ดไลน์ และพร็อพเพอร์ตี้ต่าง ๆ
พร้อมดูแลการเติบโตทั้งด้านยอดขายและผลกำไร การผสมผสานการตลาดค้าปลีกเข้ากับ Omnichannel รวมถึงด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และสร้างคุณค่าทางสังคมร่วมกัน (CSV)
ความเชี่ยวชาญของ ณัฐธีรา ในสายธุรกิจรีเทล คือ การทำ Store Transformation หรือการปรับโฉมพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า เฟ้นหาแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้า
โดยตัวอย่างโปรเจ็กต์ที่ผ่านมา เช่น ปรับโฉมห้าง Zen สู่ CENTRAL at centralwOrld และการรีโนเวทห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว รวมถึงเมกะโปรเจ็กต์ที่กำลังเกิดขึ้น อย่างการปรับพื้นที่และรูปโฉมใหม่ของห้างเซ็นทรัล ชิดลม หนึ่งในห้างระดับเรือธงของเซ็นทรัล โดยวางเป้าหมายขึ้นแท่นสู่ห้างสรรพสินค้าลักเซอรี่อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โปรเจ็กต์การพลิกโฉมห้าง Zen สู่ CENTRAL at centralwOrld เมื่อปี 2562 นับเป็นหนึ่งในโครงการที่น่าสนใจของณัฐธีรา เพราะแบรนด์ห้าง Zen นั้น อยู่คู่กับย่านราชประสงค์มานานกว่า 3 ทศวรรษ และช่วงก่อนหน้าเปลี่ยนแบรนด์นั้น Zen เป็นห้างเครือเซ็นทรัลที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จนทำให้มียอดขายอยู่ในอันดับ Top 3 จากทุกสาขาในขณะนั้น
และด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ณัฐธีรา ซึ่งขณะนั้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของห้างเซ็นทรัล ทุ่มเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อปรับโฉมห้าง Zen สู่ CENTRAL at centralwOrld ในปัจจุบัน
ณัฐธีรา กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงจาก Zen สู่ CENTRAL at centralwOrld เพื่อต้องการยกระดับความเป็นห้างไลฟ์สไตล์ของไทย โดยรวมการช็อปปิ้ง และการใช้ชีวิตไว้ด้วยกัน ทั้งอาหาร และการพักผ่อน มากกว่า 3,000 แบรนด์ บนพื้นที่รวมกว่า 50,000 ตารางเมตรของ Central at centralwOrld เพื่อทำให้ลูกค้าใช้เวลาอยู่กับห้างนานที่สุด
นอกจากนี้ การปรับโฉมของ CENTRAL at centralwOrld ยังวางไว้ให้เป็นต้นแบบการนำโมเดล Omni-Channel มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ และวางแผนผลักดันโมเดลดังกล่าว รวมถึงห้างรูปแบบไลฟ์สไตล์มอลล์ ในห้างเซ็นทรัล 20 สาขา จาก 23 สาขา ใน 5 ปี
“ปรับโฉม ลูกค้าชอบ” คือความภูมิใจ
ณํฐธีรา บุญศรี ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2564 ระบุว่า การรีโนเวตห้างแต่ละครั้งนั้น ทุกฝ่ายวางแผนการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งการตลาด การสื่อสาร และการหาแบรนด์ใหม่ ๆ ให้ห้างฯ มีสินค้าที่ดีที่สุด และแตกต่างจากที่อื่น ๆ
และเมื่อได้เห็นลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้วมีความสุข ชื่นชอบห้างโฉมใหม่ ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวเซ็นทรัลทุกคน
โฟกัสลูกค้า-เน้นนวัตกรรม และการพัฒนา
ณัฐธีรา บุญศรี กล่าวว่า เป้าหมายของห้างเซ็นทรัลและโรบินสันคือการทำให้ลูกค้าประทับใจและมีความสุขสูงสุด โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและเน้นในเรื่องนวัตกรรมและการพัฒนา เพื่อเข้าใจไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ด้วยการคิดทำสิ่งใหม่อยู่เสมอ ไม่ใช่เพียงเพื่อขายสินค้าเท่านั้น แต่ต้องมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าด้วย
พร้อมยึดมั่นที่จะเป็นหนึ่งในพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกแห่งการพัฒนาทั้งในแง่การพัฒนาสังคมและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปตลอดการดำเนินธุรกิจ