“ช้าง อินเตอร์ฯ” ชี้ดีมานด์เบียร์พรีเมี่ยมแรงต่อเนื่อง หนุนตลาดเบียร์ 2 แสนล้านบาทโต เผยคนไทยหันอัพเกรดดื่มเบียร์ราคาแพงขึ้น หวังสะท้อนภาพลักษณ์ ทุบตลาดเบียร์ราคาประหยัดหดตัว เร่งยกระดับแบรนด์สู่พรีเมี่ยม พร้อมผนึกเครือ ซี.พี.ปูพรมสินค้าเข้าเซเว่นฯ 10,000 สาขาทั่วประเทศภายใน 19 ธ.ค.นี้ ตั้งเป้าปี’68 ยอดขาย 25 ล้านขวด
นายทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2567 นี้ ตลาดเบียร์ในประเทศไทยกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยปริมาณขาย 2,000 ล้านลิตร มีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท ด้วยแรงหนุนจากสภาพอากาศและการท่องเที่ยว
ส่วนปี 2568 ตลาดเบียร์ในไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกหลักมาจากกระแสพรีเมี่ยมไมเซชั่น หรือการที่ผู้บริโภคขยับจากการดื่มเบียร์กลุ่มเมนสตรีม ราคา 55-60 บาท ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหญ่มีสัดส่วนประมาณ 60-70% ของตลาด ไปดื่มเบียร์ที่มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น เช่น กลุ่มเมนสตรีมพลัสราคาสูงกว่า 60 บาท ที่มีสัดส่วนประมาณ 20% ของตลาด
ทั้งนี้ เนื่องจากต้องการสะท้อนภาพลักษณ์ส่วนบุคคล และความแปลกใหม่ สวนทางกับกลุ่มเบียร์ราคาประหยัดซึ่งสัดส่วนลดลงต่อเนื่องจากสัดส่วน 15% ของตลาดเมื่อ 15 ปีก่อน ลงมาเหลือเพียง 5% ในปัจจุบัน
สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัท นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า ช่วงตุลาคม 2566-กันยายน 2567 กระแสพรีเมี่ยมไมเซชั่นหนุนให้เซ็กเมนต์เบียร์พรีเมี่ยมพลัสเติบโตสูงถึงกว่า 30% และมีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท
นายทรงวิทย์กล่าวต่อไปว่า เพื่อชิงความได้เปรียบท่ามกลางกระแสพรีเมี่ยมไมเซชั่นนี้ และสร้างการเติบโตและย้ำโพซิชั่นเบอร์ 1 ของตลาดเบียร์ บริษัทจะโฟกัสการทำตลาดเบียร์พรีเมี่ยมมากขึ้นโดยส่งสินค้าตัวใหม่เพื่อเป็นหัวหอกในการชิงส่วนแบ่งการตลาด โดยจะขยายช่องทางจำหน่ายให้กว้างขึ้น หลังจากที่ผ่านมาจะจำกัดอยู่เพียงร้านอาหาร-ผับบาร์-โรงแรมในภาคเหนือและกรุงเทพฯเท่านั้น เนื่องจากความท้าทายด้านการขนส่งที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ
โดยจะประเดิมด้วยการส่งสินค้าเข้าวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ประมาณ 10,000 สาขาทั่วประเทศ เพื่อขยายการเข้าถึงผู้บริโภคทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก่อนจะขยายไปในช่องทางงานอีเวนต์ อาทิ คอนเสิร์ต และเทศกาลดนตรี ในขั้นต่อไป
“บริษัทแก้โจทย์ด้านการขนส่งที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ ด้วยการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ ในรูปแบบขวดอะลูมิเนียมซึ่งสามารถรักษาอุณหภูมิได้นานกว่าปกติ รวมถึงผนึกกำลังกับเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อวางระบบกระจายสินค้าแบบครบวงจร โดยจะกระจายสินค้าเข้าครบทั้ง 1 หมื่นสาขา ในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ หลังจากเริ่มกระจายเข้าสาขาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ยังมีแผนนำเข้าไปวางจำหน่ายในช่องทางร้านสะดวกซื้อแบรนด์อื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย โดยวางเป้ายอดขายไว้ที่ 25 ล้านขวด นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มจัดลานเบียร์จำนวน 70 จุดทั่วประเทศ ซึ่งจะลากยาวไปจนถึงคืนเคานต์ดาวน์อีกด้วย
นายทรงวิทย์กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการตลาดด้วยว่า บริษัทจะทุ่มงบฯ 100 ล้านบาท สำหรับทำการสินค้าพรีเมี่ยมตลอดปี 2568 เนื่องจากเชื่อว่าสินค้านี้จะเป็นหัวใจสำคัญที่จะเสริมแกร่งโพซิชั่นผู้นำในตลาดเบียร์ประเทศไทย และยกระดับแบรนด์ไปสู่เบียร์พรีเมี่ยม