
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า โครงการดาวน์ทาวน์ แวต รีฟันด์ ฟอร์ทัวร์ริส เป็นโครงการนำร่องที่มาจากการลงทุนของเอกชน โดยมีแนวคิดเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเพิ่มการจับจ่ายช้อปปิ้งมากขึ้น และคืนเงินภาษีในสกุลเงินบาท นักท่องเที่ยวจึงสามารถนำเงินไปใช้จ่ายสินค้าอย่างอื่นได้ นอกจากนั้นจุดคืน VAT Refund ยังช่วยลดความแออัดการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สนามบิน
“เราไม่ได้มีปัญหาต่อการที่ร้านสะดวกซื้อได้รับสิทธิ์ เพียงแต่ต้องการตั้งคำถามว่าทำไมต้องเป็นรายเดียว และทำไมต้องแค่ 3 จุด และเลือกจากอะไร การมีหลายจุดคืนภาษียิ่งดีต่อระบบ เพราะยิ่งช่วยกันกระตุ้นและสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว และอีกอย่างเป็นการลงทุนของภาคเอกชนเองทั้งนั้น ซึ่งหลังจากนี้เราเตรียมยื่นอุทธรณ์”
ทั้งนี้ การที่สมาคมและบริษัทร่วมเลือกจุดนำร่องในการคืน VAT refund คือสยามพารากอน เซ็นทรัลชิดลม เซ็นทรัลเวิลด์ โรบินสัน สุขุมวิท ครอบคลุมเส้นทางเดินรถไฟฟ้า BTS จากสถานีสยามถึงพร้อมพงษ์ เนื่องจากสถานที่เหล่านี้เป็นแลนมาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องแวะเวียนมา และเป็นจุดที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 90,000 ถึง150,000 คนต่อวันต่อสถานที่
ที่สำคัญ ร้านค้าในห้างสรรพสินค้าเหล่านี้จะจดทะเบียน ภ.พ.10 (แบบคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว) กับกรมสรรพากร ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 5 จุดที่คัดเลือกมีการขอคืนภาษ๊ของนักท่องเที่ยวกว่า 9 แสนใบต่อปี เท่ากับ 60% ของการขอคืนภาษีจากนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจากทั่วประเทศ

“ถ้าเราไม่ทำ VAT Refund คนเสียประโยชน์คือประเทศชาติ เพราะนักท่องเที่ยวจะไม่อยากช้อปปิ้ง ทั้งที่เราสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในด้านการช้อปปิ้ง เราเป็นเบอร์หนึ่งได้ไม่ยาก และผู้เสียประโยชน์ก็คือผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งหมด เพราะถ้าคนมาซื้อมากขึ้น ผู้ประกอบการค้าปลีกก็จะดีขึ้น”
ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสมาคมค้าปลีกไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการแวต รีฟันด์ฯ ยังติดปัญหากับทางกรมสรรพากร แม้ว่าสถานที่นำร่อง 5 จุดจะมีกรมสรรพการมาตรวจสอบสถานที่และซอฟท์แวร์แล้ว แต่ยังติดปัญหาเรื่องขั้นตอน หลักปฏิบัติและ MOU รวมถึงข้อกำหนดจากกรมสรรพากรว่า หนึ่งบริษัทกำหนดสถานที่ VAT Refund ได้ไม่เกิน3 จุดเท่านั้น