โออิชิฯ ท็อปฟอร์มปี 63 โกยรายได้กว่า 1.1 หมื่นล.ย้ำแชมป์ผู้นำอาหาร-เครื่องดื่มเมืองไทย

โออิชิ กรุ๊ป โชว์ผลงานสุดท็อปฟอร์มปี 63 โกยรายได้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ย้ำแชมป์ผู้นำธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มเมืองไทย พร้อมเปิดแผนปี 64 ชูเทคโนโลยี-บริการเสริมแกร่ง 3 ขาธุรกิจหลัก อาหาร-เครื่องดื่ม-อาหารสำเร็จรูป ฝ่าโควิดอีกระลอก

16 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2563 ( ต.ค. 2562 – ก.ย. 2563) บริษัทมีรายได้รวม 11,007 ล้านบาท ลดลง 19.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,066 ล้านบาท ลดลง 13.3 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ยังถือว่าเป็นตัวสเลขการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน

โดยนางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม อีกทั้งยังสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับทุกธุรกิจและทุกภาคส่วน บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน บริษัทจึงได้มีการปรับกลยุทธ์และแผนงานต่างๆ เพื่อเร่งสร้างรายได้ให้กลับมาให้มากที่สุด และในขณะเดียวกันก็ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ พร้อมควบคุมการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ลดลง

สำหรับภาพรวมบริษัทในปี 2563 ธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิสามารถผลักดันส่วนแบ่งทางการตลาดได้สูงถึง 48% (ข้อมูล 12 เดือนล่าสุด สิ้นสุด ณ เดือน ก.ย. 2563 จาก บริษัท เดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ครองตำแหน่งผู้นำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ธุรกิจร้านอาหารมีการปรับแผนให้เหมาะกับสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเร่งขยายช่องทางการขายแบบซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรี่ที่มีการเติบโตอย่างมาก ส่วนแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทมีการปรับแผนกลยุทธ์ของธุรกิจให้เหมาะสม นำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และศึกษาโอกาสการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจที่มีอยู่ เพื่อสร้างเติบโตอย่างยั่งยืน

ด้านธุรกิจเครื่องดื่ม นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับการชะลอตัวของตลาดชาพร้อมดื่มภายในประเทศที่ปรับตัวลดลง 9.1% (ข้อมูล 12 เดือนล่าสุด สิ้นสุด ณ เดือน ก.ย. 2563 จาก บริษัท เดอะนีลเส็นคอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด) ส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มบ้าง แต่บริษัทยังสามารถประคองสถานการณ์และสร้างผลกำไรที่เติบโตได้ จากการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งเดินหน้าขยายตลาดส่งออก โดยเข้าไปเปิดตลาดใหม่ในประเทศเมียนมาร์ ทำกิจกรรมการตลาดในเขตพื้นที่แถบชายแดน ส่วนในประเทศกัมพูชาและลาวยังคงรักษาตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งไว้ได้

ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจร้านอาหาร เผยว่า ในปี 2563 บริษัทเน้นปรับตัวรับมือกับผลกระทบจากโควิด-19 และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาต่อยอดสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ ในร้านอาหารญี่ปุ่นโออิชิ พร้อมพัฒนาช่องทางขาย-เดลิเวอรี่ และซื้อกลับบ้าน มากขึ้น ควบคู่กับการขยายธุรกิจและเปิดตัวร้านอาหารรูปแบบใหม่ เช่น “โออิชิ ทู โก”, “โออิชิ ฟู้ด ทรัค” รวมไปถึงร้านอาหารประเภทไฮบริด : โออิชิ ราเมน X คาคาชิ บริการ 24 ชั่วโมง สาขาแรก ที่ เดอะ สตรีท รัชดา และร้านอาหารญี่ปุ่น “ซาคาเอะ” ชาบูเมนู a-la-cart ให้บริการในรูปแบบหม้อเดี่ยวส่วนตัวเน้นจับกลุ่มเป้าหมายระดับบนและกลางเป็นหลัก

ด้านธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน นางสาวเมขลา เนติโพธิ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดและการปิดเมือง กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการบริโภคและการเติบโตของตลาดอาหารสำเร็จรูป แช่เย็นและแช่แข็ง เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มีคุณภาพ สะดวกในการบริโภค และมีความหลากหลาย เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยในช่วงเวลานี้ บริษัทจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนั้นยังพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเดิม เช่น สินค้ากลุ่มซอสและเครื่องปรุงรส เข้าไปทำตลาดเพิ่มเติมอีกด้วย