ศรีนานาพรฯนำทัพผลิตภัณฑ์เบนโตะ ปักธงบุกเวียดนามเต็มสูบ

ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง ประกาศแผนบุกตลาดเวียดนาม ดึง “คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์สื่อสารแบรนด์ ผ่านแคมเปญ Bento set yourself free, fire ! ! ! พร้อมขยายดิสทริบิวเตอร์กระจายสินค้าในเวียดนาม กระตุ้นยอดขายโต 3 เท่า ภายใน 5 ปี

วันที่ 16 สิงหาคม 2564 นายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP หนึ่งในผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้

โดยประเทศเวียดนามถือเป็นตลาดที่บริษัทให้ความสำคัญในการผลักดันการเติบโต หลังเข้าลงทุนผ่าน S.T. Food Marketing Co., Ltd. เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเวียดนาม โดยล่าสุดได้วางแผนทำตลาดเชิงรุกผ่านแคมเปญการตลาดเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าและผลักดันการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทางจำหน่าย

ฐากร ชัยสถาพร

สำหรับกลยุทธ์หลักที่ใช้ในการรุกตลาดเวียดนาม คือการประยุกต์และพัฒนาธุรกิจให้สอดรับกับตลาดท้องถิ่น (Localization strategy) ทั้งการตั้งฐานการผลิตการกระจายสินค้า และการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าผ่านแคมเปญ “Bento set you self free, fire ! ! !” ที่มาควบคู่กับโปรโมชั่น “Bento Adrenaline & Extreme Amazing Thailand Tours” ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 พร้อมดึง “คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล” นักแสดงนำจากซีรีส์ Girl From Nowhere รับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์สื่อสารแบรนด์ ให้ผลิตภัณฑ์เบนโตะในเวียดนาม

อีกทั้งยังได้เตรียมจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้แก่ alo ซึ่งเป็น Chat Application ที่ได้รับความนิยมในเวียดนาม รวมทั้งสื่อโฆษณานอกบ้าน และสื่อโฆษณา ณ จุดขาย โดยคาดว่ากิจกรรมดังกล่าวจะสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า 40 ล้านคน และคาดว่าจะสร้างยอดขายให้เติบโตได้ประมาณ 20% จากการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

และปัจจุบันเบนโตะเป็นแบรนด์ขนมทานเล่นที่ได้รับความนิยม ทำให้ล่าสุด Gojek ผู้ให้บริการฟู้ดดีลิเวอรี่ในระดับอาเซียน ได้นำผลิตภัณฑ์เบนโตะ จัดจำหน่ายและสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านโฆษณา สำหรับเป็นอาหารว่างในระหว่างรับชมซีรีส์ในช่วง Work From Home ที่เริ่มเป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ ยังเร่งกระจายสินค้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยร่วมกับบริษัท Chance and Challenge Co., Ltd.พันธมิตรหลัก ในการพัฒนาการกระจายสินค้าในเวียดนาม ผ่านตัวแทนจำหน่ายในช่องทางการค้าปลีกแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นช่องทางการกระจายสินค้าที่ครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 80 ของการกระจายสินค้า FMCG

อย่างไรก็ตาม หลังจากบริษัทเริ่มดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายในเวียดนาม จะช่วยสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่ลดลง รวมทั้งการผสมผสานการทำตลาดอย่างต่อเนื่องจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้รวมจากตลาดต่างประเทศให้เติบโต เป็น 3 เท่า ภายใน 5 ปี ตามแผนระยะยาวที่วางไว้