แบรนด์ดังระทึก…สต๊อกขาด! โควิด-19 ป่วนโรงงานเวียดนาม

Market move

 

แม้การระบาดของโรคโควิด-19 ในโลกตะวันตกจะเริ่มคลี่คลาย แต่บรรดาแบรนด์สินค้าทั้งแฟชั่น ชุดกีฬา รวมถึงเฟอร์นิเจอร์หลายราย อาทิ ไนกี้ อันเดอร์อาร์เมอร์ ลูลูเลมอน เออเบินเอาต์ฟิตเตอร์ ยังไม่สามารถวางใจกับสถานการณ์ได้ เนื่องจากฐานการผลิตในเวียดนามกำลังได้รับผลกระทบจากการระบาด และมาตรการควบคุมโรค จนทำให้กำลังผลิตลดลงและอาจมีสินค้าไม่พอจำหน่ายในช่วงสิ้นปีซึ่งเป็นหน้าขายสำคัญ

สำนักข่าว ซีเอ็นบีซี รายงานว่า การขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคในกรุงโฮจิมินห์ของเวียดนามออกไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขที่โรงงานจะต้องควบคุมคนงานให้อยู่เฉพาะในพื้นที่หรือไม่ก็ต้องระงับการผลิตไปเลยนั้น กำลังสร้างความกังวลให้กับแบรนด์สินค้าหลายราย โดยบางรายถึงกับต้องนำแผนการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนามที่ประกาศไปก่อนหน้ากลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง

“คามิโล ลีออน” นักวิเคราะห์ของบีไอจีทีบริษัทวิเคราะห์หลักทรัพย์สัญชาติสหรัฐ อธิบายสถานการณ์ว่า ผลกระทบของเรื่องนี้จะเริ่มเห็นได้ในช่วงไตรมาส 4 ไปจนถึงต้นปี 2565 เนื่องจากขณะนี้แบรนด์สินค้ายังมีสต๊อกเหลืออยู่ แต่หลังจากนี้ปัญหากำลังผลิตในเวียดนามจะร่วมเข้ากับปัญหาซัพพลายเชนอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน และความคับคั่งในท่าเรือขนส่งต่างๆ จะทำให้การขนส่งล่าช้าและมีปริมาณสินค้าน้อย จนสต๊อกสินค้าของหลายแบรนด์เริ่มขาดแคลนตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4 เป็นต้นไป และอาจลากยาวตลอดครึ่งแรกของปี 2565 เพราะคาดว่าต้องใช้เวลา 5-6 เดือนกว่าโรงงานจะสามารถฟื้นระบบขนส่งวัตถุดิบ เคลียร์คำสั่งซื้อที่ค้างอยู่และกลับมาผลิตได้เต็มกำลังอีกครั้ง

“ปกติการสั่งผลิตสินค้าจากโรงงานในเอเชียจะใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์ แต่หลังคลายล็อกดาวน์ในเวียดนาม คาดว่าจะต้องใช้เวลาเพิ่มเป็น 24 สัปดาห์ เนื่องจากโรงงานจะต้องเคลียร์คำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ก่อน”

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของบีไอจีที เสริมว่า หลายแบรนด์เริ่มรับมือด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลดปริมาณการสั่งซื้อลงเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังผลิตของโรงงานที่ลดลง โดยหวังจะเพิ่มการสั่งซื้อให้มากขึ้นอีกครั้งหลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคและโรงงานกลับมาผลิตตามปกติแล้ว ขณะเดียวกันแบรนด์ใหญ่บางรายเริ่มหันไปสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานในประเทศอื่น ๆ แทนชั่วคราว

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบนั้น บางรายเลื่อนกำหนดเปิดตัวสินค้า และอีกส่วนยังคงจับตาดูสถานการณ์ อาทิ อาร์เฮช แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่เลื่อนการเปิดตัวสินค้าใหม่ออกไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2565 เพราะต้องเร่งเพิ่มกำลังผลิตสินค้าในช่วงปลายปีนี้เพื่อชดเชย ส่วน ลูลูเลม่อน แบรนด์เลกกิ้งชื่อดังระบุว่า โรงงานในเวียดนามน่าจะกลับมาเริ่มเดินเครื่องได้ภายในเดือนกันยายนนี้

“ริชาร์ต ไฮน์” ซีอีโอของ เออเบินเอาต์ฟิตเตอร์ แบรนด์แฟชั่นสัญชาติสหรัฐ ฉายภาพว่า ความกังวลหลักในวงการแฟชั่นตอนนี้คือการหาสินค้ามาจำหน่าย เนื่องจากฐานการผลิตใหญ่ต่างได้รับผลกระทบจากการระบาดต่อเนื่องกัน เริ่มจากอินเดียในช่วงต้นปี และตามด้วยเวียดนาม

ขณะเดียวกันเริ่มมีบางแบรนด์ทบทวนแผนย้ายฐานมายังเวียดนามใหม่อีกครั้ง โดย “โรเจอร์ รอวิน” ซีอีโอของ “ดีไซเนอร์ แบรนด์” แบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ เปิดเผยว่า เริ่มเกิดการพูดคุยกันในวงการสินค้าแฟชั่นถึงการทบทวนแผนย้ายฐานการผลิต หลังสถานการณ์ในเวียดนามตอนนี้ทำให้ การเตรียมการย้ายฐานของหลายแบรนด์แทบจะต้องพับไป เนื่องจากระบบซัพพลายเชนที่ใช้เวลาหลายปีจัดเตรียมไว้นั้นไม่สามารถใช้ได้แล้ว หลังโรงงานหลายแห่งปิดตัว-กำลังผลิตลดลงมาก

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลายแบรนด์พยายามพาตัวเองออกจากจีนมายังเวียดนาม แต่ตอนนี้จีนกลับกลายเป็นประเทศเดียวที่สามารถสั่งผลิตสินค้าได้ โดยกลุ่มชุดกีฬาน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะโรงงานหลายแห่งรวมตัวกันอยู่ในเวียดนาม”

สุดท้ายแล้วความท้าทายนี้จะส่งผลอย่างไรกับวงการแฟชั่นและเฟอร์นิเจอร์ในช่วงปลายปีที่เป็นหน้าขายสำคัญนั้นต้องจับตาดูกันต่อไป