อาร์เอส เปิดแผนใหญ่ปี 65 ดัน Popcoin ฟันรายได้ 5.1 พันล้าน

อาร์เอส เปิดแผนใหญ่ปี 65 เดินหน้าสร้างรายได้โต 5.1 พันล้าน ผ่านกลยุทธ์ LEAP ผุดสินค้าสุขภาพและกัญชงกว่า 30 ตัวลงตลาด-ยกระดับธุรกิจสื่อบันเทิงโกออนไลน์ เตรียมจัด 3 คอนเสิร์ตใหญ่-เพิ่มมูลค่าสินค้า จ่อนำเพลงลงขาย NFT-ชู Popcoin คีย์ไดเวอร์หลัก ผสานการเติบโตทุกหน่วยธุรกิจแบบไร้รอยต่อ

วันที่ 24 มกราคม 2565 นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในปี 2564 อาร์เอสได้เดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ อาทิ กัญชง-กัญชา อาหารสัตว์เลี้ยง

รวมไปถึงการเปิดตัว Popcoin เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของตนเองเป็นครั้งแรก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของโมเดล Entertainmerce และเชื่อมโยงหน่วยธุรกิจของอาร์เอสให้เป็นเนื้อเดียวกัน ผ่านการทำ Seamless Big Data นำฐานลูกค้าของทั้งเครือมาเชื่อมถึงกันแบบไร้รอยต่อ นำไปสู่โอกาสการทำธุรกิจใหม่ ๆ

โดยเฉพาะจากนี้ไปอาร์เอสจะมีสินค้าและบริการในรูปแบบดิจิทัลเพิ่มเข้ามามากขึ้น และเป็นเครื่องมือให้บริษัท ขยายฐานลูกค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเจเนอเรชั่นเก่าอย่างเบบี้บูมเมอร์ เจน X และเจน Y ตอนต้นที่เป็นฐานลูกค้าหลัก รวมไปถึงกลุ่มเจนใหม่ที่สนใจเทคโนโลยีทั้งเจน Y ตอนปลาย เจน Z และ Alpha ซึ่งจะนำ Popcion เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักและเข้าถึงอาร์เอสได้มากขึ้น ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า “Seamless Entertainmerce Experience” ยกระดับบิสซิเนสโมเดลของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ

โดยในปี 2565 อาร์เอสจะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญ “LEAP” โดย 1.L คือ Lifestyle Wellbeing Solution โฟกัสไปที่ธุรกิจคอมเมิร์ซ ประกอบด้วยอาร์เอสมอลล์และไลฟ์สตาร์ เน้นการเป็น Your Wellbeing Partner เพิ่มหมวดสินค้าใหม่ให้แก่ลูกค้า

โดยปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าบอดี้ เช่น อาหารเสริมและความงาม 60% สินค้ามายด์ เช่น กลุ่มประกันชีวิต 5% สินค้าโฮมแอนด์เพต ซึ่งเป็นหมวดสินค้าใหม่ 20% และสินค้าโซเชียลแอนด์แทรเวล 15% ที่คาดว่าจะฟื้นตัวและกลับมาคึกคักในปี’65

พร้อมกับขมวดแบรนด์สินค้าในเครืออาร์เอสให้เหลือ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ well u เน้นนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ , Vitanature+ เน้นสารสกัดธรรมชาติ , CAMU C เครื่องดื่มสุขภาพ และ Lifemate อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมี่ยม เพื่อง่ายต่อการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

โดยมีแผนจะทำสินค้า sku ใหม่ภายใต้ 4 แบรนด์ดังกล่าว 28 ชิ้น ขณะที่กลุ่มสินค้ากัญชงจะเปิดตัวอีก 7-8 sku คือ อาหารเสริมกัญชง, ฟังก์ชั่นนอลดริงก์กัญชง และผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง โดยจะทยอยลอนช์สินค้าตั้งแต่ไตรมาส 1-4 ปี’65 นี้

นอกจากนี้ ผนวก Popcoin มาใช้ประโยชน์ในการทำระบบ CRM และเมมเบอร์ชิปผ่านการทำโปรโมชั่นสำหรับกลุ่มสมาชิก RS Mall PLUS เพื่อกระตุ้นยอดขาย และสร้างเอ็นเกตเมนต์ในกลุ่มผู้บริโภคได้มาก จึงคาดว่าในปีนี้ฐานสมาชิกจะขยายจาก 8 แสนรายสู่ 1.2 ล้านรายได้สำเร็จ

2.E คือ Entertainment Uplift ยกระดับธุรกิจสื่อและบันเทิง โดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 นอกจากยกระดับเนื้อหาละคร ข่าว และมวย คอนเทนต์สำคัญแล้ว จะทำรายการออนไลน์มากขึ้น อาทิ Gen 8 คอนเทนต์เด็กผ่านนักแสดงหน้าใหม่ของช่อง 8 สอดคล้องกับทิศทางเม็ดเงินโฆษณาซึ่งแบรนด์มีแนวโน้มทุ่มเงินผ่านทางดิจิทัลสูง

พร้อมกับเพิ่มออริจินอลคอนเทนต์ อาทิ รายการ Food Truck Battle ซีซั่น 2 ดึงดาราเกาหลีและดาราไทยแข่งขันการทำอาหารกัน เป็นต้น เพื่อขยายฐานไปสู่ผู้ชมรุ่นใหม่ อายุ 18-30 ปี ส่วนสื่อวิทยุ COOLISM จะโกออนไลน์มากขึ้น

และเตรียมจัดอีเวนต์คอนเสิร์ต 3 รายการ คือ kemikaze Party 2022 ในช่วงเดือนมิ.ย., Dance Marathon 2022 ในช่วงเดือนต.ค. และปิดท้ายปีด้วย 21st Anniversary D2B Festival

ขณะที่ขาธุรกิจเพลงจะทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ ขึ้นแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมนำ Popcoin มาสร้างสิทธิพิเศษให้แก่พาร์ตเนอร์ และเมมเบอร์ชิปเพื่อรับชมคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟโดยเฉพาะ

3.A คือ Asset Monetization เพิ่มรายได้ใหม่จากสิ่งที่มีอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นการนำธุรกิจเพลง มาสร้างเป็น NFT หลายรูปแบบ รวมไปถึงการทำรายการออนไลน์ลงยูทูบแชนเนล เช่น รายการอาร์สยามขายเก่ง, รายการโตมากับเฮีย, รายการวัยรุ่นเงินล้าน เป็นต้น

ส่วนในสินทรัพย์ที่ลงทุนอย่างบริษัท เชษฐ์ เอเชีย จำกัด เตรียมผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ สร้างการเติบโตในไตรมาส 4 ปี’65

4.P คือ Popcoin คริปโตเคอร์เรนซีและแพลตฟอร์มสมาร์ทมาร์เก็ตติ้ง คีย์ไดเวอร์สำคัญที่นำไปสู่ธุรกิจใหม่ในปีนี้ โดยหลังจากเปิดตัวมีผู้สนใจลงทะเบียน Popster กว่า 7 แสนราย ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มเทรดกับ BITKUB ได้ภายในเดือน ม.ค. นี้ โดยขณะนี้มีพาร์ตเนอร์ที่จับมือใช้ Popcoin แล้ว เช่น ASSET WISE, IT CITY, SABUY TECH, INDEEM และ Chayo

นอกจากนี้ อีกยุทธศาสตร์ที่จะกลายเป็นคีย์หลักในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่อาร์เอส คือ การลงทุน M&A ทั้งรูปแบบร่วมทุน (JV) และการควบรวม และเทกโอเวอร์กิจการ โดยในปี 2565 นี้เล็งไว้ 1-2 ดีล ดีลละ 500-1,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้มีการเจรจาธุรกิจอยู่ราว 2-3 ที่ เพื่อต่อยอดโมเดลธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ ถือเป็นการเติบโตในระยะยาว

โดยตั้งเป้าหมายด้านรายได้อยู่ที่ราว 5.1 พันล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มคอมเมิร์ซ 2,750 ล้านบาท และกลุ่มมีเดียเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 2,350 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนดิจิทัลทีวีและวิทยุ 1.4 พันล้านบาท, Popcoin และดิจิทัล 300 ล้านบาท, เพลง 325 ล้านบาท และคอนเสิร์ต-อีเวนต์ 325 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิจะอยู่ที่ประมาณ 14-15% ของรายได้