“โลตัส-บิ๊กซี” รุกฆาตส่ง “นิวโมเดล” เขย่าค้าปลีกรอบใหม่

หลังจาก “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ภายใต้การนำทัพของ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” คีย์แมนคนสำคัญของเครื่องดื่มชูกำลัง คาราบาวแดง ในนามบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ที่จับมือกับร้านโชห่วยในการพัฒนาร้านค้าให้มีระบบการบริหารจัดการ ตกแต่งร้านให้ทันสมัยสวยงาม

พร้อมร่วมกับคู่ค้าจัดรายการส่งเสริมการขาย เพื่อสนับสนุนให้ร้านโชห่วยมีรายได้มากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โลว์คอสต์ คอนวีเนี่ยนสโตร์” สามารถขยายเครือข่ายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องชนิดสวนกระแสโดยเฉพาะในต่างจังหวัด

และมีที่เข้าคิวรออีกจำนวนมาก ได้สร้างความคึกคักให้กับภาพรวมของตลาดไม่น้อย และเป็นที่มาของความเคลื่อนไหวของค่ายค้าปลีกรายใหญ่ที่งัดโมเดลธุรกิจที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือก

บิ๊กซีเปิด 2 โมเดลใหม่ลุย

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการค้าปลีกเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้แม้ว่าภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกจะยังไม่กลับมาสดใสเหมือนเดิมนัก ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด และปมกำลังซื้อในภาพรวม

แต่อีกด้านหนึ่งการแข่งขันของธุรกิจนี้ยังคงร้อนระอุและมีดีกรีความร้อนแรงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากการเปิดตัวโมเดลใหม่ของ 2 ค่ายยักษ์ บิ๊กซี-โลตัส ที่เริ่มมีรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น

โดยได้เริ่มทยอยเปิดปูพรมไปทั่วประเทศ เริ่มจากช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา บิ๊กซี ธุรกิจในเครือบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี ได้เปิดตัวโครงการ “ร้านโดนใจ” ด้วยการเชิญชวนให้ร้านค้ารายย่อยที่สนใจเข้ามาร่วมเปิดร้าน โดยบิ๊กซีจะให้คำปรึกษา

และช่วยลงทุนในการปรับปรุงร้าน 300,000-700,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพของร้าน รวมทั้งการช่วยประสานกับสถาบันทางการเงินเพื่อช่วยสนับสนุนเงินทุน ช่วยตกแต่งร้าน มีอุปกรณ์ให้ เช่น เครื่องคิดเงินอัตโนมัติ ชั้นวางสินค้า ตู้แช่สินค้า

ทั้งนี้ ร้านโดนใจ จะมี 4 ไซซ์ ตั้งแต่ 20-120 ตร.ม. ประกอบด้วย 1.ร้านไซซ์ XS พื้นที่ขายไม่เกิน 20 ตร.ม. สินค้าประมาณ 600 รายการ ตู้แช่เย็นสินค้า 2 ตู้ เคาน์เตอร์ขนาดมาตรฐานยาว 1.5 ม. เครื่องคิดเงิน POS 1 เครื่อง 2. ร้านไซซ์ S พื้นที่ขายไม่เกิน 40 ตร.ม. สินค้าประมาณ 1,000 รายการ

ตู้แช่เย็นสินค้า 2 ตู้ 3.ร้านไซซ์ M พื้นที่ขายมากกว่า 40-80 ตร.ม. สินค้าประมาณ 2,000 รายการ ตู้แช่เย็นสินค้า 2 ตู้ และตู้แช่แข็ง 1 ตู้ และ 4.ร้านไซซ์ L พื้นที่ขายมากกว่า 80-120 ตร.ม. สินค้าประมาณ 2,400 รายการ ตู้แช่เย็นสินค้า 2 ตู้ และตู้แช่แข็ง 1 ตู้

ร้านโดนใจ มีระยะเวลาสัญญา 3 ปี อุปกรณ์ภายในร้าน เมื่อสิ้นสุดสัญญาหรือมีการยกเลิกสัญญาจะต้องส่งคืนให้กับโดนใจ เช่น ตู้แช่สินค้า ชั้นวางสินค้า เคาน์เตอร์ เครื่องคิดเงิน เป็นต้น

รายงานข่าวจากบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ระบุว่า ปัจจุบันมีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการแล้วมีประมาณ 320 สาขา เปิดให้บริการในหลายจังหวัด อาทิ นครพนม อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ สระบุรี เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ชลบุรี พัทยา เป็นต้น

ล่าสุด บิ๊กซี ได้เริ่มรุกคืบและนำโมเดลร้านโดนใจ เข้ามาในกรุงเทพฯ โดยได้เริ่มติดป้ายและการทำสื่อโฆษณาตามสาขาต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ สาขารัตนาธิเบศร์ ที่จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลร้านค้าในย่านใกล้เคียง และเป็นผู้คอยให้คำปรึกษาและซัพพอร์ตสินค้าต่าง ๆ ให้

แหล่งข่าวรายนี้ยังระบุด้วยว่า นอกจากโมเดลร้านโดนใจแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ บิ๊กซียังได้เริ่มทดลองเปิดให้บริการฟู้ดเซอร์วิส ด้วยการปรับบิ๊กซี สาขาโชคชัย 4 ให้เป็น เอ็มเอ็ม ฟู้ดเซอร์วิส ที่เน้นการขายส่ง-ขายปลีก อาหารสด อาหารแห้ง

ในชื่อของเอ็มเอ็ม ฟู้ดเซอร์วิส ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ กับแม็คโคร (สยามแม็คโคร) ในเครือซีพี ออลล์ จากก่อนหน้านี้มีเปิดให้บริการสาขาปาล์มไอส์แลนด์ จังหวัดสมุทรปราการ

โดยก่อนหน้า บีเจซี มีร้านค้าส่งในฟอร์แมตฟู้ดเซอร์วิสอยู่แล้วที่ประเทศเวียดนาม ภายใต้ชื่อ MM Food Service หลังจากได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท MM Mega Market หรือชื่อเดิมว่า บริษัท Metro Cash & Carry Vietnam เมื่อเดือนมกราคม 2559 ปัจจุบัน MM Mega Market มีสาขาทั่วเวียดนาม รวมประมาณ 19-20 สาขา

โลตัสซุ่มเปิด “ร้านนี้ ขายดี”

เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของ “โลตัส” ที่นอกจากจะทยอยปูพรมสาขาโลตัส โก เฟรช เป็นหัวหอกในการรุกตลาดแล้ว ล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังได้เปิดตัว “ร้านนี้ ขายดี” ที่มุ่งเจาะกลุ่มผู้ประกอบการโชห่วย

ด้วยการชูจุดขายในเรื่องของการเปิดให้ร้านค้าเป็นเจ้าของกิจการแบบ 100% โดยไม่ต้องแบ่งกำไรกับใคร และประเดิมสาขานำร่องไปแล้ว 2 สาขา ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

นอกเหนือจากการให้คำปรึกษาและออกเงินทุนในการตกแต่งร้านค้าแล้ว ยังมีทีมงานให้คำแนะนำ รวมถึงแนวทางในการตกแต่งตลอดจนอุปกรณ์เข้าร้าน สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินตามที่ผู้ร่วมโครงการเลือกเองได้

โดยรูปแบบร้านค้ามีให้เลือกลงทุนหลากหลายเหมาะสมกับทุกขนาดพื้นที่ให้เลือก สามารถเปิด-ปิดร้านได้ตามใจคุณ ลงทุนเริ่มต้น 200,000-400,000 บาท ระยะเวลา 1 ปี

ก่อนหน้านี้ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” ผู้ปลุกปั้น “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ให้ข้อมูลว่า ข้อมูลเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 แม้จะมีสาขาเพียง 1,200 สาขาทั่วประเทศ แต่มีร้านค้าสนใจสมัครเข้ามามากถึง 9,000 แห่ง

และในจำนวนนี้มีเข้าเกณฑ์อยู่ระหว่างการรอเปิดอีกกว่า 2,000 ร้านค้า และสำหรับปี 2565 เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะมีสาขาถึง 30,000 แห่ง ก่อนจะเพิ่มเป็น 50,000 แห่งในปี 2566

นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มคลังสินค้าอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมี 4 แห่งที่ จ.ขอนแก่น, อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.นครสวรรค์ และ จ.ชลบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่งสินค้าให้ร้านค้าได้ทันเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากความเคลื่อนไหวของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ บิ๊กซี-โลตัส ในการรุกขยายโมเดลด้วยการจับมือกับร้านค้าปลีกที่ช่องทางจำหน่ายของรายย่อยดังกล่าวแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา ยูนิลีเวอร์ ซัพพลายเออร์สินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ ก็เคยมีโมเดลร้านในลักษณะเดียวกันนี้

ภายใต้ชื่อ “ร้านติดดาว” ที่ “ยูนิลีเวอร์” พัฒนาโมเดลขึ้นมาในช่วงหลังจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2545 โดยยูนิลีเวอร์ได้เข้าไปช่วยซ่อมแซมร้านที่เสียหาย ปรับปรุงร้าน ช่วยจัดระบบหลังบ้าน ช่วยจัดการสต๊อกสินค้า

ด้วยงบฯการปรับปรุงเฉลี่ย 4,000-40,000 บาท/ร้าน ที่ผ่านมาร้านติดดาวทั่วประเทศราว ๆ 10,500 ร้านค้า (ปี 2562)

ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าในชุมชน บริเวณโดยรอบมีบ้านพัก คอนโดฯ โรงงาน และภายในร้านติดดาวไม่ได้จำกัดว่าจะต้องจำหน่ายเฉพาะสินค้าของยูนิลีเวอร์ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในสัดส่วน 40-50%

จากนี้ไปเชื่อว่าการแย่งชิงช่องทางจำหน่ายคงจะร้อนระอุมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว