เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนพลิกแผน บุกตลาดใหม่ หนีฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์

คอลัมน์ : Market Mover

ยุคทองของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่ดำเนินมานานกว่า 10 ปี อาจกำลังจะจบลงเนื่องจากดีมานด์สินค้าในแดนมังกรกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากรัฐบาลจีนแตะเบรกการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ

ซึ่งเป็นแหล่งสร้างดีมานด์สำคัญเพื่อไม่ให้ขยายตัวรวดเร็วจนใกล้จะเกิดวิกฤตฟองสบู่ แบบเดียวกับกรณีหนี้เสียก้อนมหาศาลแบบเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปขึ้นอีก

ดีมานด์ที่ลดลงนี้ทำให้บรรดาแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ไฮเออร์ กรี ไมเดีย และอื่น ๆ ต้องหาทางสร้างรายได้จากแหล่งอื่น ๆ มาทดแทน โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลากแบรนด์นำมาใช้ คือ การต่อยอดโนว์ฮาวแตกไลน์ธุรกิจอื่น ๆ เพิ่ม

สำนักข่าว นิกเคอิ เอเชีย รายงานถึงปรากฏการณ์ในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าแดนมังกรว่า ไฮเออร์หนึ่งในยักษ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนหันไปโฟกัสธุรกิจร้านรับทำความสะอาด “Mr.Clear”

ซึ่งรับทำความสะอาดหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าคลุมโซฟา ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแอร์ ตู้เย็น และอื่น ๆ พร้อมจุดเด่นด้านราคาจับต้องได้ เช่น ค่าซักเสื้อสูท 28 หยวน (146 บาท) กางเกงสแล็ก 25 หยวน (130 บาท) รวมถึงมีบริการรับ-ส่งสินค้าถึงที่เมื่อจ่ายเพิ่มอีก 10 หยวน (52 บาท)

โดยเตรียมจับมือกับผู้ประกอบการซักรีด-ทำความสะอาดท้องถิ่นในมณฑลเสฉวนเพื่อตั้งศูนย์บริหารจัดการพร้อมเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องเพิ่มจากปัจจุบันที่มีสาขากว่า 100 แห่ง ใน 30 มณฑลและเขตการปกครองต่าง ๆ ทั่วจีนแผ่นดินใหญ่

ขณะเดียวกัน ไมเดีย กรุ๊ป เลือกมุ่งไปทางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรงด้วยการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นที่มณฑลอานฮุยทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกอื่น ๆ

ไปในทิศทางเดียวกับกรี ซึ่งเป็นผู้ผลิตแอร์รายใหญ่ ซึ่งตั้งบริษัทใหม่เพื่อรุกตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

ส่วนไฮเซ่นส์นั้นเมื่อปลายปี 2564 สื่อจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทพยายามเสริมแกร่งธุรกิจระบบจัดการจราจรซึ่งกำลังเติบโตได้ดีในจีน โดยพิจารณาการเข้าซื้อกิจการบริษัท ยูเนก ทราฟฟิก

ที่แยกตัวออกมาจากซีเมนส์ ยักษ์อุตสาหกรรมสัญชาติเยอรมัน เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีบริการจัดการจราจรอัจฉริยะ เช่น ระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจร ระบบเก็บค่าผ่านทาง ฯลฯ

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นผลจากการชะลอตัวของภาคอสังหาฯ หลังรัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวดในธุรกรรมที่เกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาฯ รวมไปถึงการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ในขณะที่สถานการณ์ทางการเงินที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของผู้พัฒนารายใหญ่อย่างเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป และผู้เล่นรายอื่น ๆในวงการอสังหาฯ

ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนขาดความเชื่อมั่นและชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยออกไปก่อน เนื่องจากกังวลว่าอาจเกิดการทิ้งโครงการกลางคันจนยอดขายบ้านช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2564 ลดลงอย่างชัดจน

ส่งผลต่อเนื่องให้ดีมานด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในจีนลดลงแบบทั้งกระดานตามไปด้วย โดยเฉพาะทีวีซึ่งนักวิเคราะห์ลงความเห็นว่าปีนี้จะหดตัวแน่นอน

บริษัทวิจัยการตลาดทั้งในจีนและเยอรมนีต่างลงความเห็นตรงกันว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในจีนแผ่นดินใหญ่จะอยู่ในภาวะซบเซาไปตลอดช่วงที่เหลือของปี 2565 นี้

โดยตามข้อมูลของจีเอฟเคและไชน่า มาร์เก็ต มอนิเตอร์ ปีนี้ตลาดทีวีในจีนจะหดตัว 1.1% จากปี 2564 เหลือมูลค่าประมาณ 1.3 แสนล้านหยวน (6.8 แสนล้านบาท) ส่วนยอดขายเครื่องซักผ้าและแอร์มีแนวโน้มทรงตัวเท่ากับปีก่อน

แม้แต่ตู้เย็นซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่บริษัทวิจัยคาดว่าด้านมูลค่าจะเติบโต 4.5% นั้นก็ไม่ได้มาจากยอดขายเพิ่มขึ้น แต่เป็นผลของการปรับขึ้นราคาสินค้าตามสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่พุ่งสูงขึ้น

แนวทางของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนนี้ คล้ายกับเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นและเกาหลีที่หลายแบรนด์ต่างมีธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ๆ อยู่ในพอร์ตรายได้ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแพทย์ การพัฒนาที่อยู่อาศัย พลังงาน เทคโนโลยีเอไอ ฯลฯ ซึ่งจากนี้ต้องรอดูว่าแผนต่อยอดธุรกิจของแบรนด์จีนจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด