ทานตะวันอุตสาหกรรม งัดนวัตกรรมสู้ บุกตลาดไทย-เทศปั้นรายได้

ทานตะวัน

“ทานตะวันอุตสาหกรรม” เปิดเกมรุกงัดสินค้านวัตกรรมใหม่ ถุงซิปอเนกประสงค์ซันซิป แอนตี้ ไวรัส ตอบโจทย์ช่วงโควิดก่อนเตรียมแตกไลน์สินค้าประเภทไลฟ์สไตล์ เจาะกลุ่มคนออกกำลังกาย เล็งศึกษาการลงทุนใหม่ เร่งขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ขณะที่ไตรมาส 1/2565 รายได้โตจากการจัดแคมเปญดันยอดขาย

นายสุรศักดิ์ เหลืองอร่ามศรี ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานขายและการตลาด 1 บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกว่า 2 ปี

ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจกำลังซื้อและปัญหาเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ มีปัญหาด้านการส่งออก ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้สินค้าตกค้างอยู่ในโรงงานค่อนข้างมาก

รวมไปถึงปัญหาราคาวัตถุดิบหลักอย่างพลาสติกที่พุ่งสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปีจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาด สินค้าในต่างประเทศมีการปรับขึ้นราคาสินค้า ส่วนในประเทศยังสามารถตรึงราคาได้ถึงไตรมาส 3 รวมถึงในแง่ของการลงทุนต้องรอบคอบมากขึ้น

พร้อมกับปรับแผนการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันโควิด ทั้งในบริษัทและโรงงานผลิต แม้โควิดจะเริ่มคลี่คลายลงไปแล้ว

แต่ต้องมีการคัดกรองและแยกโซนการทำงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อให้สามารถรักษามาตรฐานการผลิตสินค้าได้ต่อเนื่อง โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เหมาะกับสถานการณ์มากขึ้น

เช่น การลอนช์ถุงซิปอเนกประสงค์ซันซิป แอนตี้ ไวรัส เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. 2564 ชูจุดขายเรื่องการใส่ของใช้ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์ ธนบัตร กุญแจ ที่อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

“ถือเป็นนวัตกรรมถุงซิปรายแรกที่สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสได้ด้วยเทคโนโลยีซิลเวอร์ไอออน (Silver Ion Technology) จากประเทศญี่ปุ่น อ้างอิงจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการในการกำจัดเชื้อไวรัส Influenza A (H1N1), Influenza B ภายใน 24 ชั่วโมง

โดยถุงซันซิปสามารถใช้ซ้ำได้ ราคาเริ่มต้น 55 บาท วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และช่องทางออนไลน์ผ่าน www.sunmumshopping.com ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 20%”

แตกไลน์ สินค้าไลฟ์สไตล์กลุ่มชอบออกกำลังกาย

นายสุรศักดิ์กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานจากนี้ไปบริษัทมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าตามเทรนด์ความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย เพิ่มน้ำหนักด้านนวัตกรรม ล่าสุดเตรียมแตกไลน์สินค้าประเภทไลฟ์สไตล์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่ชอบออกกำลังกาย

ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะได้เห็นในไตรมาส 3 นี้ อีกทั้งยังให้ความสำคัญทั้งกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (own brand) คือ กลุ่ม SUN ที่ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้าหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

ภายใต้แบรนด์ SUNMUM กลุ่มสินค้าอุปโภคของใช้ในครัวเรือน เช่น หลอดดูด ภายใต้แบรนด์ SUNZIP, Kitchen Neat, Fresh & Fresh, SUNBIN และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบรนด์ SUNBIO, SUNECOSTRAW ควบคู่กับการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ล่าสุดได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “SUNFAMILY” นำเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาการจัดการน้ำนม เข้ามาช่วยกลุ่มคุณแม่รุ่นใหม่ที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท

ปัจจุบันภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์เติบโตขึ้น โดยมีรายได้หลักมาจากการส่งออกกลุ่มสินค้าพลาสติกไปยังอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งตลาดดังกล่าวมีการแข่งขันสูง และเน้นในเรื่องราคา อีกทั้งแนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในร้านอาหารและเครื่องดื่ม

แต่ในทางกลับกันกระแสกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ หรือผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ไม่มีการเติบโต เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและโควิด-19 ที่มากระทบทำให้คนสนใจลดลง โดยหากย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา

เทรนด์การใช้สินค้าย่อยสลายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแบรนด์สินค้าที่พัฒนานวัตกรรมหลอดดูดที่ย่อยสลายได้ ซึ่งมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว แต่ปัจจุบันผู้คนไม่มีกำลังซื้อทำให้ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้ลดลง

“ต้องยอมรับว่าสินค้าที่ย่อยสลายได้มีทั้งข้อดีแล้วข้อเสีย ยังไม่สามารถทดแทนพลาสติกได้ 100% ซึ่งเป็นเพียงสินค้าทางเลือกสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ในเชิงของสิ่งแวดล้อมทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะไม่สนใจสินค้าที่ย่อยสลายได้ แต่จะให้ความสำคัญกับการรีไซเคิลแทน เพราะเป็นวิธีที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม”

เพิ่มสัดส่วนรายได้ตลาดในประเทศ

นายสุรศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ด้านการส่งออกต่างประเทศซึ่งเป็นรายได้หลักกว่า 80% มาจากทวีปยุโรป รองลงมาเป็นทวีปอเมริกา เอเชีย และออสเตรเลีย โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตด้วยกลุ่มสินค้าของบริษัท ส่วนใหญ่เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อลูกค้าเป็นหลัก

พร้อมกับการขยายฐานลูกค้าในประเทศใหม่ ๆ ผ่านการจับมือกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจต่าง ๆ การหา vendor รายใหม่ ๆ รวมถึงการทำ M&A วิเคราะห์ทางเลือกเพื่อตั้งฐานการผลิตแห่งใหม่ และมีการศึกษาธุรกิจใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ของตลาดในประเทศจากปัจจุบันอยู่ที่ 12% ในระหว่างปี 2565-2566 บริษัทจะพยายามลอนช์ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตลาดไทยมากขึ้น ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีรายได้เติบโตกว่า 100% หลัก ๆ มาจากการเน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งแคมเปญโปรโมชั่นผ่านเฟชบุ๊กเพจและช่องทางมาร์เก็ตเพลซต่าง ๆ