MG เล็งหารือสรรพสามิต เสนอยืดเวลามาตรการสนับสนุนคนซื้อรถ EV รับเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท จากสิ้นปีนี้เป็นไตรมาสแรกของปี’67 ชี้ช่วงปลายปีกำลังซื้อมาเต็มหวั่นจดทะเบียนไม่ทัน ส่วนนโยบายอีวี 3.5 ลั่นไม่เห็นด้วย ชี้รถผลิตในประเทศแข่งรถนำเข้ายาก ต้นทุนต่างกัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กำลังเตรียมเข้าหารือกับกรมสรรพสามิต ขอยืดเวลามาตรการการสนับสนุนการใช้รถ EV โดยเฉพาะเงินอุดหนุนสำหรับผู้ซื้อสูงสุดไม่เกิน 1.5 แสนบาท ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. 2566 โดยจะขอยืดเวลาออกไป 3 เดือนจนถึงสิ้นไตรมาสแรกปีหน้า เนื่องจากการนำเข้าและขั้นตอนการจดทะเบียนต้องใช้เวลาพอสมควร ประกอบกับช่วงปลายปีถือเป็นไฮซีซั่นและมีอีเวนต์ใหญ่ขายรถยนต์ ซึ่งหากรัฐบาลสนับสนุนทั้งผู้ประกอบและผู้บริโภคจะได้ประโยชน์จากมาตรการสูงสุด
“หากจะย้อนไปตอนประกาศมาตรการ กว่าจะมีประกาศเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้ได้จริงก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ซึ่งตอนทำเอ็มโอยูกับสรรพสามิตเริ่มในช่วงเดือนมีนาคม 2565 และหน่วยงานต่าง ๆ ต้องใช้ระยะเวลาอีกพักใหญ่ ซึ่งสามารถประกาศออกมาราว ๆ เดือนกรกฎาคม ทำให้ระยะเวลาการใช้จริงมีแค่ 1 ปีเศษเท่านั้น”
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวอีกว่า ระยะเวลาการจดทะเบียนรถใหม่ในแต่ละพื้นที่ช้า-เร็วแตกต่างกัน เฉลี่ยใช้ 1-2 เดือน ตอนนี้ต้องคำนวณให้ดี ๆ และช่วงปลายปีก็มีวันหยุดยาวเยอะ
ส่วนมาตรการ อีวี 3.5 นั้น ซึ่งให้สิทธิผู้ประกอบการลอตที่ 2 แม้ว่าสิทธิประโยชน์จะไม่เท่ามาตรการอีวี 3.0 ตามที่บอร์ดอีวีเคยให้สัมภาษณ์สื่อหลายสำนักไว้นั้น เรื่องนี้ MG ก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลประกาศส่งเสริมมาตรการอีวี 3.0 นั้นไม่ได้มีการแจ้งต่อผู้ประกอบการที่เข้าร่วมว่าจะมีการสนับสนุนหรือขยายต่อแพ็กเกจ อีวี 3.5
ซึ่งตรงนี้น่าจะทำให้เกิดช่องว่างทางการแข่งขัน ระหว่างรถ EV ที่ต้องผลิตในประเทศไทย (CKD) กับรถ EV ที่นำเข้ามาจำหน่าย (CBU) โดยเฉพาะผู้ผลิตที่ต้องขึ้นไลน์ประกอบภายในประเทศนั้น มี “ต้นทุน” ที่ค่อนข้างสูงกว่ารถ EV ที่ผลิตจากจีน ซึ่งผลิตมาก่อนหน้าเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่า
ส่วนสถานการณ์ของตลาดรถยนต์โดยรวมในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมานั้นถือว่าหดตัวลงเล็กน้อย อยู่ที่ 5-6% สาเหตุก็มีปัจจัยลบหลายด้าน โดยเฉพาะการล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล แต่วันนี้ชัดเจนมากขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์ของตลาดรถยนต์หลังจากนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สภาพเศรษฐกิจโดยรวมสามารถขับเคลื่อนไปได้ และทุกอย่างจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ
ขณะที่ MG ยังคงยืนยันเป้าหมายยอดขายในปีนี้ไว้ที่ระดับ 30,000-40,000 คัน ตามเป้าหมายเดิมก่อน และในช่วงกลางเดือน ก.ย. จะมีการส่งรถยนต์รุ่นปรับปรุงโฉมออกมากระตุ้นตลาดเพิ่มเติม