
คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ต้องบอกว่าตลาดรถยนต์บ้านเรา แม้ว่าวันนี้ยอดขายจะอยู่ในภาวะซบเซา แต่ความร้อนแรงเชิงการแข่งขัน การตลาดนั้นต้องบอกว่าห้ามกะพริบตา
โดยเฉพาะการสร้างโอกาสทางการแข่งขัน และการรักษาตำแหน่งทางการค้าของค่ายรถยนต์ (ญี่ปุ่น) แต่ละค่ายต้องงัดกลเม็ดเด็ดพลาย เพิ่มความสดใหม่ให้กับสินค้า รวมทั้งตอกย้ำจุดแข็ง จุดเด่น ที่สามารถมัดใจลูกค้าผู้บริโภคมาได้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากค่าย ฮอนด้า ออโตโมบิล ได้แนะนำรถยนต์นั่งขนาดกลางอย่าง ฮอนด้า ซีวิค ไมเนอร์เชนจ์ ออกสู่ตลาด เพื่อปลุกกระแสให้กับตลาดและกลุ่มแฟน ๆ อีกครั้ง
โดยฮอนด้าเลือกเติมออปชั่น อัพลุก ปลุกความสปอร์ตให้กับรถฮอนด้า ซีวิค เวอร์ชั่น 2024
รุ่นที่เรานำมาทดสอบครั้งนี้คือ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด อาร์เอส
โดยเพิ่มไฮไลต์ใหม่เข้ามา ไล่เรียงมาตั้งแต่กระจังหน้า-กันชนใหม่ เน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแอลอีดี ส่วนไฟท้ายเติมความเร้าใจด้วยไฟแอลอีดีรมดำ กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียพร้อมปลอกท่อไอเสีย แต่เสียดายว่าอุตส่าห์เป็นรุ่น RS หากฮอนด้าออกแบบปลายท่อเป็น 2 ท่อน่าจะทำให้รถคันนี้มีความดุดันมากขึ้น
ฮอนด้ายังใส่ระบบความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง มาให้กับซีวิคทุกรุ่นย่อย เพิ่มโหมดการขับขี่แบบ Individual มีเซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด ในรุ่น e:HEV
ส่วนภายในห้องโดยสารเน้นโทนสีดำ สะท้อนถึงความสปอร์ตพรีเมี่ยม เบาะนั่งเป็นหนังกลับลายใหม่ เดินด้ายสีแดง รวมทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดง มีไฟส่องสว่างตกแต่งแผงประตูคู่หน้าและที่เท้า แป้นเหยียบคันเร่ง เบรกแบบสปอร์ต
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังเพิ่มช่องแอร์ให้กับห้องโดยสารด้านหลัง และเบาะนั่งด้านหลังยังสามารถปรับแยกพับแบบ 60 : 40 ได้ด้วย ส่วนระบบการเชื่อมต่อนั้น ฮอนด้าอัพเกรดทำให้รถและคนเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ด้วยฟังก์ชั่น Google Built-in ที่ติดมากับรถ เครื่องเสียง BOES ลำโพง 12 ตำแหน่ง ช่องเชื่อมต่อ USB TypeC 4 ช่อง
หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย สั่งการได้ด้วยเสียง และมีฮอนด้า คอนเนค เพิ่มเข้ามา โดยรวม ๆ แล้ว การอัพลุกครั้งนี้ให้กับเจ้าซีวิค ถือว่ามีความลงตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งความโฉบเฉี่ยวที่น่าค้นหา
โดยส่วนตัวมองทั้งภายนอก แล้วเข้ามานั่งภายในห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกว่าฮอนด้าตั้งใจทำให้รถคันนี้มีมิติที่ดูกว้างและใหญ่ขึ้น มอดผาด ๆ นึกว่านั่งอยู่ในรุ่นพี่อย่าง ฮอนด้า แอคคอร์ด
การทดสอบครั้งนี้วิ่งกันหลัก ๆ ในเมืองที่สภาพการจราจรจอแจ แต่ต้องบอกว่าเจ้าฮอนด้า ซีวิค คันนี้มาพร้อมความคล่องตัว โดยเฉพาะความแม่นย้ำและการให้น้ำหนักของพวงมาลัย ทำให้เราสามารถคุมรถได้ง่าย
บวกกับขุมพลังไฮบริด หรือที่ฮอนด้าเรียกว่า e:HEV นั้น ในช่วงของการกดคันเร่งการออกตัว ให้ความรู้สึกคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า มีความแรงพร้อมพุ่งไปข้างหน้า กับพลังของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ทำงานผสานกับมอเตอร์ 2 ตัว พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน มั่นอกทันใจ กำลังแรงบิด 350 นิวตันเมตร กดเรียกพร้อมตอบสนองได้ทันใจ บางจังหวะที่วิ่งทางด่วน ทางโล่ง ทำความเร็วได้ รถมีทั้งความนิ่ง เงียบกริบของช่วงล่างนั้นค่อนข้างประทับใจ
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการเซตตำแหน่งของเบาะที่นั่ง ที่ออกแบบมาให้ค่อนข้างต่ำ แม้จะยกมาจนสุดของการตั้งค่าแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าต่ำไปนิด แต่เมื่อทำความคุ้นชิ้นไป ถือว่าเป็นตำแหน่งที่นั่งที่ค่อนข้างลงตัว
บางช่วงที่จะต้องอาศัยจังหวะการทำความเร็วมุดลงซ้าย ขึ้นขวา รถคันนี้ไปได้แบบไม่เคอะเขิน ช่วงล่างหนึบหนับเมื่ออยู่ในจังหวะรถติดไฟแดง หรือหยุดจอด ไม่ต้องเลื่อนไปเกียร์ N หรือ P เพียงแค่กดปุ่มเบรกโฮล สามารถปล่อยเท้าจากเบรกรถก็จอดได้สนิทในตำแหน่งเกียร์ D ช่วยเพิ่มความสะดวกและความคล่องตัว เมื่อต้องการเคลื่อนตัวก็แค่แตะคันเร่ง รถพร้อมเคลื่อนไปข้างหน้า ฮอนด้า ซีวิค มีโหมดการขับขี่มาให้ถึง 4 โหมด ประหยัด, นอร์มอล, สปอร์ต และใหม่ โหมดเลือกปรับเองตามชอบ
แต่หลักเราใช้แค่โหมดประหยัดนั้นเหลือเฟือ เหลือบมองไปที่การวัดอัตราสิ้นเปลืองของการทดสอบครั้งนี้ ที่เจอทั้งรถติด/ทางโล่ง กดแซงแรง ๆ ยาว ๆ อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 20.5 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าเกินพอกับรถไซซ์ขนาดนี้ วิ่งแบบนี้ ขณะที่ตัวเลขที่ฮอนด้าเคลมไว้ทำได้ 25 กิโลเมตรต่อลิตร อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้าและพฤติกรรมการขับขี่ของรายบุคคลไป
ถึงตอนนี้ถือว่า ฮอนด้า ซีวิค ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ไว้ใช้งาน ด้วยระยะทางการวิ่งต่อน้ำมันหนึ่งถัง ฮอนด้าเคลมไว้ที่กว่า 800 กิโลเมตร เมื่อเทียบราคาค่าตัว และความคุ้มค่าต่อลักษณะการใช้งาน ถือว่าราคาค่าตัว ฮอนด้า ซีวิค คันนี้ที่ 1.239 ล้านบาท ก็น่าสนใจไม่น้อย