“สมโภชน์ อาหุนัย” ซีอีโอ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA) กล่าวบนเวทีสัมมนา Game Changer Part II เกมใหม่เปลี่ยนอนาคตซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงการเปลี่ยนเเปลงของบริษัทที่ต้องมองและสร้างโอกาสให้ตัวเอง สร้างมูลค่าในธุรกิจ เพื่อให้เกิดรีเทิร์นที่สูงขึ้น
อีเอ เริ่มต้นจากธุรกิจไบโอดีเซล ธุรกิจพลังงานเเสงอาทิตย์และพลังงานลม หลังจากนั้นเราต่อยอดพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้กับพืชเศรษฐกิจ อย่างเช่นปาล์ม นำมาพัฒนาไบโอดีเซล 100% ถือเป็นรายที่ 3 ของโลก และเข้าสู่ดิจิตอลเเพลตฟอร์มด้วยการเล็งเห็นโอกาสการ เติบโตของธุรกิจพลังงานและรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) และขยายไปสู่ธุรกิจสตอเรต สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
เป็นการทรานฟอร์มจากธุรกิจเทรดดิ้งเข้าสู่ดิจิตอลเเพลตฟอร์ม
“ธุรกิจอะไรก็ตามถ้าเราก้าวเร็ว เข้าถึงได้ก่อนคู่เเข่ง โดยเราใช้ดีเอ็นเอของเรามาต่อยอดสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบเเทนให้กับผู้ลงทุนได้มากขึ้นเป็นทิศทางที่เราต้องเดินไป อีเอเน้นพัฒนาและสร้างเทคโนโลยีของคนไทยและพัฒนาด้วยตัวเองเพื่อสร้างเเวลู และอนาคตเราจะต้องมีนวัตกรรมของตัวเอง ยืนด้วยตัวเอง เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายเหมือนแต่ก่อน”
อีเอ มองว่าโลกอนาคตกำลังเปลี่ยนไปปัจจุบันการผลิตพลังงานจากโรงไฟฟ้าส่งมาจนถึง บ้านลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้า เปลี่ยนไปมากวันนี้มีโซลาเซลมีพลังงานใหม่ๆ เกิดขึ้น และโลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก พลังงงานในอนาคตตจะเน้นการผลิตที่ก่อให้เกิดมลพิษต่ำ หรือ Decarbonized และ Decentralized เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกระจายทั่วไป และต้องทำให้เป็นสมาร์ทเอ็นเนอจีซิสเต็มเพื่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
“สมโภชน์” กล่าวว่า พลังงานธรรมชาติ คอนโทรลไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ขาดคือ การเก็บพลังงาน อีเอจึงให้ความสำคัญกับสตอเรจ เรามีโรงงานผลิตเเบตเตอรี่ขนาด 1 จิกกะวัตต์อาวร์ โดยอนาคตมีโครงการขยายเป็น 50 จิกกะวัตต์อาวร์ ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุด ตัวอย่าง เทสล่า มีโรงงานแบตเตอรี่แค่ 35 จิกะวัตต์อาวร์
และเพื่อก้าวให้ทันโลก เรายังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าโดยคนไทย ภายใต้แบรนด์ ไมน์ โมบิลิตี้ “MINE Mobility” ในงานมอเตอร์โชว์ปีที่ผ่าน เราเปิดรับจองรถยนต์ไฟฟ้า ไมน์ สปา วัน ซึ่งได้รับความสนใจมียอดจองถึง 4,558 คัน และล่าสุดเรายังได้พัฒนาเรือไฟฟ้า วิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้เงินลงทุนแค่ 1 พันล้านบาท ซึ่งเปรียบเทียบคุ้มค่ากว่าระบบรางซึ่งต้องลงทุนหลายหมื่นล้าน ระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 40 นาที สามารถจุคนได้ 200 คนต่อเที่ยวและใช้พลังงานไปแค่ 800 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 2 เที่ยว
และเพื่อรองรับกับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ อีเอยังลงทุนกับสถานีชาร์จ รถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีถึง 1,000 จุดทั่วประเทศแบ่งเป็นในกรุงเทพ 600 แห่ง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีสถานีชาร์จทุก 5 กิโลเมตรคลายความกังวลคนที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้เยอะ
สมโภชน์ ย้ำว่า โลกเราไม่ใช่ Linear ธุรกิจต้องทำไปและพัฒนาไป อย่ากลัวว่าจะเป็นสิ่งใหม่ การเปลี่ยนแปลงมาเร็วมาก เราต้องคิดใหม่ทำใหม่เดิมคิดแบบอินไซด์เอาต์
แต่ปัจจุบันไม่ได้แล้วต้องคิดจากเอาต์ไซด์อิน เพื่ออนาคตที่ทันสมัย