ประเทศไทยในฐานะที่เป็น “ศูนย์กลางการผลิตรถ” รายใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และเป็นอันดับที่ 12 ของโลก
ดังนั้น แนวโน้มการเติบโตของ “รถยนต์ไฟฟ้า” (EVs) ในตลาดยานยนต์โลก จึงมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทยโดยตรง
- เช็กที่นี่ ออมสิน-ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อปิดหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ใครกู้ได้บ้าง!
- ออมสิน-ธอส. ออกเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ ปลอดภาษี หมดเขตสิ้น มี.ค.นี้
- ITD ลามรับเหมารายย่อย แบงก์เบรกปล่อยกู้ลดเสี่ยง
ในวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา Bloomberg New Energy Finance (BNEF) เปิดเผยรายงานการวิจัยเรื่อง “แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า” ประจำปี 2019 ซึ่งวิเคราะห์จากสถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ประเภทต่าง ๆ รวมถึงปัจจัยของตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดย “จัสติน วู” หัวหน้าด้าน BNEF ประจำเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) อย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ หากมองในภาพรวม พบว่า “รถยนต์ส่วนบุคคลไฟฟ้าและรถบัสโดยสารไฟฟ้า” คาดว่าจะได้รับความนิยมมากที่สุดในหลายประเทศ ขณะที่ “รถตู้ไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้า” จะนิยมใช้งานเพียงในระยะใกล้ ๆ และอาจไม่ได้รับความนิยมมาก เมื่อเทียบกับรถอีก 2 ประเภทข้างต้น
ขณะที่รายงานของบลูมเบิร์กฉบับล่าสุดระบุว่า ผู้ใช้รถรายใหม่ที่คาดว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามีมากถึง 57% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2040 เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญจากราคาต้นทุนของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงที่ลดลงถึง 85% จากการประหยัดต้นทุนการผลิตต่อขนาด (economy of scale) รวมถึงความก้าวหน้าด้านการพัฒนาเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม รายงานของบลูมเบิร์ก ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้า “ส่วนบุคคล” สำหรับไทยถือว่ายังมีการขยายตัวได้ค่อนข้างช้าและยาก เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาแพง รวมไปถึงสถานีชาร์จไฟฟ้ายังมีจำกัด แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ ที่น่าจะได้รับความนิยมและคุ้มค่าในตลาดไทย ได้แก่ รถมอเตอร์ไซค์ รถตุ๊กตุ๊ก รถแท็กซี่ หรือรถให้เช่า (car sharing) และรถเมล์โดยสาร เป็นต้น
“จัสติน วู” แสดงความคิดเห็นว่าในปี 2017 มี 5 ประเทศหลักที่ไทยส่งออกรถยนต์ไปมากที่สุดเป็น “ท็อป 5”
ได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย สิ่งที่น่ากังวลก็คือ นโยบายภาครัฐของประเทศเหล่านั้นมีแนวโน้มว่าจะปรับเปลี่ยนแนวทางไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในอนาคต ส่วนใหญ่กำหนดวาระการปรับสัดส่วนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ภายในปี 2020-2030
นั่นหมายความว่า รัฐบาลไทยต้องหันมาจริงจังกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น จากที่มุ่งเพียงการผลิตรถยนต์ เครื่องยนต์สันดาปภายในมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดของเศรษฐกิจไทย ที่พึ่งพาการส่งออกรถยนต์เป็นรายได้สำคัญทางหนึ่งของไทย
หัวหน้างานวิจัย BNEF กล่าวว่า “นโยบายภาครัฐของไทยอาจต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพราะการเติบโตของการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคได้”