เศรษฐกิจโลกทุบอุตฯยานยนต์ไทย เม็ดเงินหายแสนล้าน-ชิ้นส่วนเริ่มหยุดงาน

พิษเศรษฐกิจโลกกระทบอุตสาหกรรมรถยนต์หลายแสนล้าน ฟอร์ด-จีเอ็ม-มิตซูบิชิ ลั่นตลาดส่งออกเดี้ยงยาวทั้งสำเร็จรูปและชิ้นส่วน หั่นเป้าผลิตกว่าแสนคันกระทบชิ่งซัพพลายเออร์ “ไทยซัมมิท” ระบุผลิตชิ้นส่วนป้อนแบบจัสต์อินไทม์ ออร์เดอร์หาย จำเป็นต้องปรับลดการผลิตชั่วคราว

ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งพึ่งพิงตลาดส่งออกมากถึง 50% กำลังพลิกเกมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง

กำลังผลิตปี”62 ลด 1.5 แสนคัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมฯและสมาชิกผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศไทยได้ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปีพ.ศ. 2562 เหลือ 2,000,000 คัน จากเป้าเดิม2,150,000 คัน แบ่งเป็น ผลิตส่งออก 1,000,000 คัน และผลิตเพื่อขายในประเทศ 1,000,000 คัน

“การส่งออกกระทบอย่างเห็นได้ชัดจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ในประเทศไทยเจอสถานการณ์น้ำท่วม และความเข้มงวดที่มากขึ้นในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ของสถาบันการเงินการลดเป้าผลิตครั้งนี้น่าจะทำให้มูลค่าในอุตสาหกรรมยานยนต์หดหายไปราว 1.5 แสนล้านบาท”

ค่ายรถลั่นพร้อมลดเป้าผลิต

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าปัจจัยลบข้างต้นทำให้ฮอนด้านั้นมีการปรับปรุงเเละบริหารจัดการกำลังผลิตในเเต่ละเดือน และจะเห็นได้ว่า ฮอนด้าสามารถทำได้ดีกว่าตลาด เนื่องจากมีการปรับกำลังผลิตให้สอดคล้องความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้สถานการณ์ต่างยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและธุรกิจ รวมทั้งพนักงานของฮอนด้าแต่อย่างใด

“ปัจจัยจากเศรษฐกิจโดยรวมที่มีทิศทางอยู่ในขาลง ตั้งแต่ต้นปีที่เป็นต้นมาแต่สามารถประคองมาได้จนถึงกลางปีถือว่าทำได้ดี วันนี้ดัชนีทุกอย่างอยู่ในช่วงขาลง ทั้งความเชื่อมั่น การลงทุน การส่งออก ค่าเงินบาท สงครามการค้า และเบร็กซิต ปัจจัยลบเหล่านี้ยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด”

สำหรับตลาดรถยนต์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายรวม 761,000 คัน ส่วนฮอนด้าโตสูงกว่าตลาด คือโต 5% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 26.6% เป็น 27.5% ส่วนทั้งปียอดขายรถยนต์โดยรวมจะใกล้เคียงกับปีก่อนหรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องต้องน่าจับตา เเต่จะสูงกว่านั้นเป็นเรื่องที่ถือว่ายาก แม้ว่าจะมีค่ายรถส่งรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งก็เป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับปีก่อน

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย จำเป็นต้องวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุมและสอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งก่อนนั้นมาสด้าระบุว่ายอดขายมีอัตราการเติบโตลดลง จำเป็นต้องลดเป้าการขายลงจากเป้าทั้งปี 7.2 หมื่นคัน เหลือแค่ 6.5 หมื่นคัน

ค่ายมะกันทำงาน 3 สัปดาห์/เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กำลังการผลิตของค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อที่ลดลงเป็นผลกระทบมาจากตลาดส่งออกที่หดตัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะค่ายรถยนต์สัญชาติอเมริกันทั้งฟอร์ด และจีเอ็มประสบปัญหา ต้องปรับลดกำลังผลิตของตลาดส่งออกลงถึง 1 ใน 3 จากเดิมที่เคยให้พนักงานทำงานเต็มเวลาครบตลอดทั้งเดือน แต่ในช่วง 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย.) ที่ผ่านมา กำหนดให้ทำงานแค่

เดือนละ 3 สัปดาห์ หรือทำงาน 3 สัปดาห์ หยุด 1 สัปดาห์ ซึ่งค่ายมิตซูบิชิก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากตลาดหลักยังคงเป็นตลาดส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะตลาดประเทศในแถบตะวันออกกลาง

รง.ชิ้นส่วนออร์เดอร์ลด

แหล่งข่าวจากสมาคมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เริ่มประสบปัญหาหนักออร์เดอร์จากค่ายรถยนต์ลดลง ตอนนี้มีบางบริษัทได้เริ่มประกาศลดโอที หยุดการทำงานเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาก็มีรายงานข่าวผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายกลางและเล็กที่ได้หยุดการผลิตชั่วคราวเช่นกัน อาทิ บริษัท วาลีโอ คอมฟอร์ท แอนด์ ไดร์ฟวิ่ง แอสซิสแทนซ์ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศหยุดกิจการชั่วคราวในไตรมาส 3/2562 โดยไม่มีการทำงานล่วงเวลา (โอที) และหยุดงานเพิ่มประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์ของวันทำงานปกติ โดยบริษัทให้หยุดงานและจ่ายค่าจ้าง 75%

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2562 บริษัท ไทยซัมมิท แหลมฉบัง ออโตพาร์ท จำกัด ตั้งอยู่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผลิตอุปกรณ์ประเภทชิ้นส่วนเหล็ก ชิ้นส่วนพลาสติก, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และไส้กรองอากาศ ฯลฯ ได้มีประกาศที่ TSLA. HRM 019/2562 เรื่อง กำหนดหยุดการทำงานในวันที่ 26 ตุลาคม ถึง 25 ธันวาคม 2562 เนื่องจากลูกค้ามีคำสั่งซื้อสินค้าลดลง โดยระหว่างหยุดทำงานชั่วคราวตามประกาศ บริษัทพร้อมจ่ายเงินค่าจ้างให้กับพนักงานทุกระดับในอัตราร้อยละ 75 ของค่าจ้างปกติ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน และการหยุดจะไม่มีผลใด ๆ กับการคำนวณเบี้ยขยัน หรือการประเมินผลงาน

นอกจากนี้ ยังมีบริษัท เอสอาร์เอฟ อินดัสตรี้ส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ทำส่วนผสมของยางรถยนต์ ตั้งอยู่ที่นิคมมาบตาพุด จ.ระยอง โดยบริษัทได้ส่งหนังสือเลิกจ้างพนักงานตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และให้มีผลในวันที่ 25 ตุลาคม 2562 นี้ โดยบริษัทจะจ่ายค่าแรง และค่าสินไหมทั้งหมดที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย

ไทยซัมมิทยันแค่หยุดชั่วคราว

นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการอาวุโส กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ยักษ์ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีที่บริษัท ไทยซัมมิท แหลมฉบัง ออโตพาร์ท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ประกาศกำหนดหยุดการทำงานวันที่ 26 ตุลาคม ถึง 25 ธันวาคม 2562 นั้นเป็นการหยุดทำงานชั่วคราวและบางส่วน เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ลดกำลังการผลิต และลดการสั่งซื้อชิ้นส่วน ดังนั้น ในส่วนโรงงานก็ต้องปรับลดกำลังผลิตตามคำสั่งซื้อ ทั้งนี้ โรงงานยังเปิดดำเนินการผลิต แต่ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้จะมีการให้พนักงานมีวันหยุดเพิ่ม โดยสลับหยุดตามไลน์การผลิต ประมาณ 10-15% จากจำนวนพนักงานทั้งหมดประมาณ 800 คน คือ โดยเฉลี่ยแต่ละวันจะมีพนักงานหยุดงานประมาณ 100 คน

โดยที่บริษัทจ่ายเงินค่าจ้างให้กับพนักงานในอัตราร้อยละ 75 ของค่าจ้างปกติ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เนื่องจากการผลิตของไทยซัมมิทฯเป็นการผลิตตามออร์เดอร์ของลูกค้า โดยเป็นแบบ just in time คือ ผลิตและส่งมอบให้ลูกค้าทันที จะมีการส่งชิ้นส่วนให้ลูกค้าทุกวัน และวันละ 3-4 รอบ ดังนั้นเมื่อโรงงานผลิตรถยนต์หยุดผลิต ในส่วนของชิ้นส่วนก็จำเป็นต้องหยุดด้วย ส่วนหนึ่งอาจประหยัดค่าแรงได้ 25% (จ่ายค่าแรง 75% ตามกฎหมาย) แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ โรงงานไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนมาสต๊อกได้ เพราะไม่มีที่จัดเก็บ ทุกอย่างเราวางแผนและบริหารแบบ just in time

นางสาวชนาพรรณกล่าวว่า สำหรับในส่วนของโรงงานชิ้นส่วนอื่น ๆ ก็มีการปรับลดเวลาทำงานบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นลักษณะลดการทำงานล่วงเวลา (โอที) กรณีการหยุดงานชั่วคราวบางส่วนนั้นถือว่าเป็นมาตรการปกติของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาวะที่ต้องลดกำลังการผลิต ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ชะลอตัว จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดผลิตรวมที่ 2.15 ล้านคัน แต่เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ทำให้ตัวเลขส่งออกรถยนต์ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ทำให้ค่ายรถยนต์ที่เน้นตลาดส่งออกได้รับผลกระทบ ขณะที่กำลังซื้อในประเทศก็ไม่ค่อยดี ทำให้ล่าสุดมีการปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้เหลือ 2 ล้านคัน ซึ่งยอดผลิตหายไป 1.5 แสนคัน ก็ถือว่าไม่น้อยย่อมกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์พอสมควร

ขณะที่นายกรกฤช จุฬางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด หรือ SAB และบริษัท ซัมมิท โอโตซีท จำกัด (SAS) ในเครือกลุ่มซัมมิท กรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ กล่าวกับ”ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหยุดงาน หรือลดโอที ทุกอย่างยังอยู่ในสถานการณ์ที่คาดการณ์ไว้ และแน่นอนที่สุดจะไม่มีการปลดคนงาน