“มิลเลนเนียมกรุ๊ปเอเชีย” ติดปีก ผนึก SCB บุกสินเชื่อ “ลักเซอรี่โปรดักต์”

หลังจากธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งมีนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร มีมติให้บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร ตกลงร่วมมือกับ 3 ยักษ์ใหญ่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS เพื่อจัดตั้งบริษัท “AISCB” รุกธุรกิจสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพีจี) จัดตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่กับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC Group) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทย ภายใต้ชื่อบริษัท อัลฟ่า เอกซ์ จำกัด (Alpha X Co., Ltd.) เพื่อประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อ ลีสซิ่ง และให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และยานพาหนะทางน้ำ ซึ่งประกอบด้วยเรือยอชต์และริเวอร์โบ๊ต โดยมีการแจ้งรายละเอียดกับทางตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือเอ็มจีซี-เอเชีย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การร่วมมือกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจสู่ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งรายละเอียดรวมทั้งทิศทางในการรันบิสซิเนสคงต้องรอรายละเอียดจากทางธนาคารไทยพาณิชย์ ส่วนการร่วมทุนก็เป็นไปตามที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ บริษัท อัลฟ่า เอกซ์ จำกัด จะมีสัดส่วนการถือหุ้นจากธนาคารไทยพาณิชย์ ร้อยละ 50 และทางเอ็มจีซี-เอเชีย ร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดโดยมีทุนจดทะเบียนจัดตั้งขั้นต้น จำนวน 1,000,000 บาท และมีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300,000,000 บาท ภายใน 1 ปี นับจากวันที่จัดตั้งบริษัท

“ธุรกิจหลักของเรายังเน้นค้าปลีกรถยนต์ ซึ่งบริษัทร่วมทุนใหม่นี้ก็จะดำเนินการโดย SCB ซึ่งมีเราเป็นพันธมิตร”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ดร.สัณหวุฒิ ซีอีโอมิลเลนเนียมกรุ๊ป เคยให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางธุรกิจของเอ็มจีซี-เอเชีย เมื่อปลายไตรมาสแรกปี 2564 ว่า จะขยายธุรกิจไปสู่บริการสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจและเพิ่มทางเลือกใหม่บนผลิตภัณฑ์ โดยได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล หรือบิ๊กดาต้า (Data Excellence Center) เพื่อดูแลฐานลูกค้ากว่า 550,000 ราย มีการลงทุนในคลาวด์เซ็นเตอร์กว่า 100 ล้านบาท สามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการได้มากที่สุด สามารถให้บริการลูกค้าในกลุ่มอื่น ๆ และซัพพอร์ตธุรกิจในพอร์ต 5 กลุ่มหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น 1.ธุรกิจค้าปลีกยานยนต์และบริการครบวงจรมีทั้งรถในกลุ่มลักเซอรี่อย่าง โรลส์-รอยซ์, แอสตัน มาร์ติน และมาเซราติ รถกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ บีเอ็มฯ มินิ และบีเอ็มฯ มอเตอร์ราด กลุ่มพรีเมี่ยมแมส ได้แก่ เปอโยต์ กลุ่มรถใช้แล้ว ได้แก่ บีเอ็มฯ พรีเมี่ยมซีเล็กชั่น, มินิ เอ็กซ์, ฮอนด้า เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ และยัวร์ไบก์ รถเช่าและพนักงานขับรถ มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล, ซิกท์ และมาสเตอร์ไดรฟเวอร์ แอนด์เซอร์วิสเซส รวมทั้งกลุ่มอาฟเตอร์มาร์เก็ต เอ็มเอ็มเอส บ๊อชคาร์ เซอร์วิส แอนด์ไทร์

2.กลุ่มธุรกิจนำเข้ายานยนต์ ได้แก่ พรีเมี่ยม เปอโยต์ ประเทศไทย หรือบริษัท เบลฟอร์ด ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด 3.กลุ่มครีเอทีฟโซลูชั่น ได้แก่ i24, iMX และ MAT 4.กลุ่มเรือสำราญอะซิมุท และ 5.กลุ่มการเงินและประกันภัย ฮาวเด้น แม็กซี่


ปัจจุบันเอ็มจีซี-เอเชีย มีเครือข่ายครอบคลุมถึง 21 โลเกชั่น 66 โชว์รูม 37 เซอร์วิส 29 รีเทล และ 8 รีเทลในส่วนของธุรกิจรถเช่าในต่างประเทศอย่างลาว และมาเลเซีย โดยมั่นใจว่าปีนี้ เอ็มจีซี-เอเชีย ทำรายได้ทั้งกรุ๊ปสูงถึง 23,000 ล้านบาท โตมากกว่า 10% เทียบกับปีที่ผ่านมา