ORA Good Cat นังเหมียว เฟี้ยวฟ้าว

เทสต์คาร์
วุฒิณี ทับทอง

เหลือแค่เปิด “ราคา” ขายเท่านั้น สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า100% จากค่ายเกรท วอลล์ฯ ซึ่งนำเข้าจากประเทศจีน ตัวนี้เป็นโปรดักต์ตัวที่ 2 ที่ทำตลาดในบ้านเรา โดยมาภายใต้แบรนด์ “ORA” ชื่อรุ่นเป็น Good Cat มีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น 400 TECH, 400 PRO และตัวท็อป 500 ULTRA

ตัวเลข 400 และ 500 นั้นเป็นการบอกถึงระยะทางของรถที่วิ่งได้ คือ 400 และ 500 กิโลเมตร

หลังจาก “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้สัมผัสรถคันนี้ต้องบอกเลยว่า…รถคันนี้ไม่ใช่น้องแมวเชื่อง ๆ แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะมีความมุ้งมิ้ง ออกแนวน่ารักก็ตาม

ORA Good Cat เป็นรถสไตล์แฮตช์แบ็ก 5 ประตู แนว Retro Futuristic ให้ความรู้สึกลงตัวครบครันกับกลิ่นอายย้อนยุค แต่ยังคงรสนิยมร่วมสมัย แฝงความน่ารักซุกซนไว้ในรถคันนี้

จุดเด่นภายนอก ไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ พร้อมไฟเลี้ยว มองเห็นเด่นชัดแต่ไกลเป็น Eye Cat แบบ LED เต็มรูปแบบสะกดทุกสายตา เรียกว่า ใครเห็นต้องหลงไปกับความน่ารัก

มิติของตัวรถนั้น เกรท วอลล์ฯ เคลมว่ามีขนาดตัวถังใหญ่กว่ารถในคลาสเดียวกันทุกมิติ

ถ้าให้เปรียบเทียบกับรถที่ไซซ์และทรงใกล้เคียงกัน คงเป็นนิสสัน มาร์ช แต่ผู้บริหารเกรท วอลล์ฯ เลือกเคลมกับฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก แถมบอกว่าเหนือกว่าทั้งความกว้างและความสูง

สำหรับคันที่เราทดสอบวันนี้เป็นรุ่นกลาง คือ รุ่น 400 PRO คันสีแดง ภายในสีดำ ลงตัวเรียบหรูดี โดยเฉพาะหน้าจอ Interactive Double Screen ขนาด 17.25 นิ้ว ที่วางพาดเป็นแนวยาวที่บริเวณคอนโซลด้านหน้า

แบ่งเป็นส่วนของหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอมัลติมีเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว ให้รายละเอียดสูง โดยส่วนตัวคิดว่าขนาดตัวอักษรที่แสดงผลในรถคันนี้มีขนาดเล็กไปนิด ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในขณะขับขี่ บางระบบสั่งการสามารถสั่งได้ด้วยเสียง แต่เชื่อว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่น่าจะถนัดกับการใช้ระบบทัชสกรีนเป็นหลัก

ส่วนวัสดุที่เลือกนำมาใช้ภายในห้องโดยสาร โดยรวมถือว่าใช้ได้ แผงหุ้มประตูและเบาะที่นั่ง ใช้วัสดุคล้ายหนังให้เนื้อสัมผัสค่อนข้างสบาย ออกแบบมาให้โอบกระชับรองรับกับสรีระได้เป็นอย่างดี

เบาะนั่งฝั่งคนขับสามารถปรับด้วยไฟฟ้า 6 ระดับ ส่วนฝั่งผู้โดยสารตอนหน้านั้นเป็นแมนวล

ส่วนเบาะหลัง ปรับพับได้เป็นแบบ 40/60 หรือจะปรับให้เป็นพื้นราบ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ

ส่วนเทคโนโลยีมีมาให้เต็มคัน สามารถเลือกเซตตั้งค่าต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ สั่งการผ่านหน้าจอระบบสัมผัส เช่น การปรับน้ำหนักของพวงมาลัย เลือกได้ 3 ระดับ เบา, มาตรฐาน, สปอร์ต ระบบความปลอดภัยเป็นการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ แม่นยำชัดเจน

ทั้งช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง, ควบคุมรถให้อยู่ในเลน, เตือนเมื่อรถออกนอกเลน, การรักษาระยะให้อยู่ในเลน, รักษาระยะห่างจากคันหน้า, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ เหมือนกับที่มีในฮาวาล H-6 ไฮบริด และกล้อง 360 องศาที่ชัดเจน รวมทั้งเสียงสังเคราะห์ ที่ทำมามีให้เลือก 3 แบบ

เราสามารถเลือกตั้งค่าได้ เช่นเดียวกับระบบควบคุม ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ สามารถตั้งเปิด-ปิดการใช้งานได้ แต่แนะนำว่าผู้ใช้ควรจะต้องเลือกตั้งค่าให้เสร็จสิ้นก่อนจะเคลื่อนตัวรถ ไม่งั้นมีกดผิดกดถูก (ตัวอักษรและขนาดที่หน้าจอค่อนข้างเล็ก)

ส่วนระบบการขับมีมาให้ถึง 5 โหมด ได้แก่ มาตรฐาน, Sport, Eco, Eco+ และอัตโนมัติ ซึ่งสามารถเลือกสั่งการได้บริเวณปุ่มสั่งการด้านข้าง (ขวา) ของพวงมาลัย ยกเว้นเพียงโหมด Eco+ จะต้องสั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีน

อีกจุดคือ ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย การใช้ในงานของเจ้า Good cat คันนี้ จะต้องสั่งการเพื่อเปิดระบบก่อนใช้งานทุกครั้ง ในกรณีที่ปิดสวิตช์มอเตอร์ไปแล้ว หากจะใช้งานใหม่หลังเปิดสวิตช์ก็จะต้องเปิดการตั้งค่าตรงนี้ทุกครั้ง ดูยุ่งยากไปนิด แต่ทุกอย่างเพื่อมาตรฐานความปลอดภัย

เมื่อเข้ามาในตำแหน่ง ผู้ขับไม่ต้องมองหาปุ่ม “สตาร์ต” เพราะรถคันนี้ไม่มี แต่ใช้หลักการง่าย ๆ เพียงมีกุญแจ (สมาร์ทคีย์) เข้าไปอยู่ในตัวรถ แค่ผู้ขับเหยียบไปที่เบรก…มอเตอร์จะเปิดพร้อมทำงานทันที

การขับขี่เหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไปทุกอย่าง เพียงแต่เปลี่ยนจากเครื่องยนต์มาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า การออกตัวแค่หมุนปุ่มเกียร์จากตำแหน่ง N มาที่ D ยกเท้าจากเบรกมาเหยียบคันเร่ง เจ้า GOOD CAT ก็พร้อมออกไปเฉิดฉายบน cat walk หรือท้องถนน

มาดูขุมพลัง ตัว Good Cat 400 PRO ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต ความจุ 47.788 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร

เรียกว่าพละกำลังมหาศาล กดคันเร่ง แรงบิดมาเหลือเฟือ จากเมืองทองธานี มุ่งหน้าสู่พุทธมณฑล สาย 3 รถราหนาแน่นแต่ด้วยความคล่องตัว และกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้สามารถควบคุมรถคันนี้ได้ไม่ยาก

ตลอดการทดสอบวันนี้เลือกใช้เพียงแค่โหมดอัตโนมัติ กับปรับเปลี่ยนน้ำหนักพวงมาลัยในโหมดเบา และโหมดมาตรฐานเท่านั้น ในโหมดมาตรฐานก็ไม่หนักมาก ควบคุมง่าย

วิ่งด้วยความเร็วในระดับที่รถไปได้ ลองกดคันเร่งไปได้เกือบ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แต่ทีมงานแจ้งว่ารถคันนี้ล็อกความเร็วไว้ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยรวมความเร็วเฉลี่ยที่ขับเจ้าแมวซ่า คันนี้ราว ๆ 110-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สนุกเชียว ชนิดที่ลืมไปว่าใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นตัวขับเคลื่อน

การซับแรงกระแทกของช่วงล่าง ช่วงขับเองสนุกจนลืมสังเกต แต่เมื่อย้ายไปนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารแล้ว ต้องร้อง “อึม…” เจอเนินหลังเต่ารู้สึกรับรู้แรงสัมผัสกับพื้นถนนได้มากไปนิด การเข้าโค้งด้วยความเร็วประคองพวงมาลัยช่วยก็เอาอยู่

จากแบตเตอรี่ที่ออกสตาร์ต มีอยู่ 98% กับระยะทางที่บอกว่ารถคันนี้จะวิ่งได้ 395 กิโลเมตร

โดยขาไป วิ่งไป 98.1 กิโลเมตร ยังเหลือพลังงานแบตเตอรี่อีก 52% หน้าปัดบอกเพียงพอในระยะทางวิ่งกลับถึง 277 กิโลเมตร

เบ็ดเสร็จการทดสอบครั้งนี้ เราใช้ระยะทางในการวิ่งมาถึงรวมระยะทาง 189.3 กิโลเมตร

เช็กดูสถานะพลังงานขณะที่ยังเหลือแบตเตอรี่อีก 22% และรถคันนี้บอกว่ายังมีระยะทางเพียงพอให้วิ่งต่อไปได้อีก 104 กิโลเมตร

ถามว่าการทดสอบแบบลักษณะการขับขี่ที่ค่อนข้างดุดัน ORA Good Cat ทำได้ดีเลยทีเดียว แต่ถ้าใช้งานรถคันนี้แบบขับปกติไม่ต้องเร่งรีบ ตัวเลขระยะทางกว่า 350 กิโลเมตร ต่อการชาร์จพลังงานหนึ่งครั้ง ไปได้แน่นอน

ถึงตรงนี้ถามว่า สมรรถนะของรถคันนี้เพียงพอไหม กับรูปแบบการใช้งาน น่าจะเหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่า

สามารถวิ่งแบบแมวเชื่อง ๆ หรือจะใช้งานสไตล์ขับเป็น “เจ้าเหมียว เฟี้ยวฟ้าว” ดุดันวิ่งออกต่างจังหวัดได้ ในระยะทางสัก 300-350 กิโลเมตร ขับแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็เชื่อว่า เจ้า Good Cat คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าใช้เลยทีเดียว ช่วงเช้า-เย็น ขับใช้งาน ส่วนกลางคืนก็จอดชาร์จพลังงาน น่าจะเหมาะสำหรับลูกค้าที่สามารถปรับพฤติกรรมเพื่อเข้าสู่โหมดที่ต้องวางแผนเส้นทาง วางแผนการใช้พลังงานได้ เพราะชาร์จไฟแบบ DC ใช้เวลา 45 นาที สำหรับแบตเตอรี่ 0-80% และ 32 นาที เพื่อให้ได้กระแสไฟในแบตเตอรี่ 30-80%

ส่วนชาร์จไฟฟ้าบ้านนั้นใช้เวลา 8 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 400 PRO บอกเลยว่า ORA Good Cat คันนี้ ก็น่าใช้ไม่น้อย แต่ทั้งหมดทั้งมวล รอดูก่อนว่า ราคาที่เขาทำออกมาจะน่าสนใจแค่ไหน

ถ้าเริ่มต้นสัก 8 แสนปลาย ไปถึงล้านต้น ๆ ก็น่าลุ้น เราจะได้รับการยกย่องว่าช่วยลดโลกร้อนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม