“โตโยต้า” พลิกเกมบุกอีวีเต็มสูบ ประกาศส่ง 30 รุ่นเขย่าตลาดรอรับนโยบายรัฐบาล

โตโยต้า

“โตโยต้า” เขย่าตลาดพลิกเกมรุกอีวีเต็มสูบ “อากิโกะ โตโยดะ” ซีอีโอใหญ่ลั่นส่ง 3 แบรนด์มากกว่า 30 รุ่นกวาดยอดขายทั่วโลกมากกว่า 3.5 ล้านคันภายในปี 2030 โตโยต้าไทยย้ำรอความชัดเจนรัฐบาลมีรถในไลน์ผลิตพร้อมเขย่าตลาดทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรอคอยของลูกค้าโตโยต้าว่าเมื่อไหร่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% (อีวี) ลงทำตลาดอย่างจริงจังได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา “อากิโกะ โตโยดะ” ประธานใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศพร้อมลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ โดยให้ข้อมูลชัดเจนว่าจะมีรถอีวี 3 แบรนด์ โตโยต้า,เลกซัส และแบรนด์ใหม่ bZ มากถึง30 รุ่นลงตลาดให้ลูกค้าได้เลือกช็อปและเชื่อว่าภายในปี 2030 โตโยต้าน่าจะกวาดยอดขายรถอีวีทั่วโลกได้สูงถึง 3.5 ล้านคัน

ส่งแบรนด์ bZ4X ลุยตลาด

ก่อนหน้านี้โตโยต้าได้เปิดตัว Toyota bZ4X ซึ่งพัฒนาร่วมกับไดฮัทสุ, ซูบารุ และบีวายดี โดยใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA สำหรับชื่อ bZ มีที่มาจากคำว่า beyond zero ซึ่งแสดงเจตจำนงของโตโยต้าที่จะทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์เป็นศูนย์ และจะมีรถคู่แฝดจากแบรนด์ซูบารุ Solterra ออกมาทำตลาดด้วย

โดยปัจจุบันแบรนด์โตโยต้ามีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์, ไฮบริด, ปลั๊ก-อินไฮบริด และเซลล์เชื้อเพลิงมากกว่า 100 รุ่น วางจำหน่ายกว่า 170 ประเทศทั่วโลก

“รถอีวีของโตโยต้าจะมีทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถเชิงพาณิชย์, รถโดยสาร เบื้องต้นจะเน้นทำตลาดในประเทศยุโรป อเมริกาเหนือ รวมทั้งจีนก่อน” นายโตโยดะกล่าว

โตโยต้าไทยรอความชัดเจนรัฐบาล

แหล่งข่าวในวงการรถยนต์กล่าวว่า การประกาศความพร้อมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของโตโยต้า ถือเป็นปฏิบัติการเขย่าวงการ เพราะก่อนหน้านี้โตโยต้าปฏิเสธตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาตลอด ด้วยเหตุผลความไม่พร้อมของตลาด และโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สถานีชาร์จ และโตโยต้ามีเทคโนโลยีฟิวเซลล์ (เซลล์เชื้อเพลิง) ซึ่งมีค่าการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อยู่แล้ว

ด้านนายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนการดำเนินธุรกิจเพื่อทำตลาดรถอีวีในประเทศไทยนั้น หลัก ๆ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐเป็นสำคัญ แต่ถ้าถามว่าโตโยต้ามีความพร้อมหรือไม่นั้นต้องบอกว่าพร้อมเนื่องจากโตโยต้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริดรายแรกของโลกเมื่อปี 1999 เช่นเดียวกันกับรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด โตโยต้าก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรก ๆ ของโลกที่นำเสนอออกสู่ตลาด ซึ่งรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้านั้นไม่แตกต่างกัน เพียงแต่นำเครื่องยนต์ออกแล้วเพิ่มแบตเตอรี่เข้าไปก็เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว

“วันนี้รถยนต์ของโตโยต้าพร้อมแล้วเพียงแต่ว่าตลาดจะพร้อมเมื่อไหร่ และเมื่อตลาดมีความพร้อมโตโยต้าก็สามารถเลือกรุ่นรถยนต์ที่เหมาะสมมานำเสนอ”

นายสุรศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมา โตโยต้ามียอดขายรวม 5,715 คัน โดยมีการเปิดตัวเลกซัส เอ็นเอ็กซ์ 450h+ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ได้การตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น ซึ่งสัดส่วนการขายพบว่า รุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด ได้รับความนิยมสูงกว่ารุ่นธรรมดา โดยส่วนตัวมองว่า หากผู้บริโภคต้องการซื้อรถยนต์ไปใช้เป็นมิกซ์ยูส คือใช้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และน้ำมัน ผสมกันไปรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ส่วนยอดจองเทียบกับปี 2563 ต้องบอกว่า ปี 2564 เทียบกับปีก่อนไม่ได้ มีอัตราการเติบโตที่ช้ากว่าเล็กน้อย ประกอบกับช่วงหลังมีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไล์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในงานมีผู้เข้าชมงานน้อยลง ซึ่งในมุมมองส่วนตัวจำนวนผู้เข้าชมงานนั้นลดลงไป 40% ขณะที่ยอดขายลดลงไปเพียง 5%

ชูโมบิลิตี้คอมปะนี

นายสุรศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโตโยต้าทั่วโลกในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการรีวิววิสัยทัศน์ขององค์กร “TOYOTA WAY” มีวิวัฒนาการขึ้นไปอีกสเต็ป จากเดิมโตโยต้าเป็นบริษัทผลิตรถยนต์เพื่อขาย ตอนนี้ปรับเป็น “โมบิลิตี้คอมปะนี” กล่าวคือเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการขับเคลื่อน โตโยต้าเดิมใช้คำว่า software first ให้ความสำคัญกับ manufacturing first การผลิตมาเป็นอันดับแรก ตามมาด้วย product second และสุดท้ายผ่าน partnership และแนวคิดของโตโยต้า คือต้องขับเคลื่อนผ่านหลากหลายมิติ ทุกคนเป็นพาร์ตเนอร์กันหมดบางครั้งคู่แข่งคนสำคัญก็ยังสามารถเป็นพาร์ตเนอร์กันได้ในบางเซ็กเมนต์

สำหรับปี 2565 โตโยต้าจะครบ 60 ปีการทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกเยอะมาก โตโยต้ากำลังสร้างออฟฟิศใหม่ที่บางนาตราด กม.5 คอนเซ็ปต์จะเป็น To be closer to be customer คือ โตโยต้าอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ออนไลน์ ออฟไลน์ พร้อมกับจะทำเป็นโชว์รูมโชว์เคส ทั้งกิจกรรมเทสต์ไดรฟ์ โชว์เทคโนโลยี มีโคเวิร์กกิ้งสเปซ และศูนย์ทดสอบรถยนต์ ตามแผนคาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับทิศทางการใช้รถยนต์ในประเทศไทย ระยะหลังเห็นชัดว่า รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) หรือรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้รับความนิยมมากในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป มีจำนวนคนซื้อรถมากกว่า 24% หรือกว่า 7,000 คัน เป็นรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนหรือร่วมขับเคลื่อน แบ่งเป็น กลุ่มรถไฮบริด 70% ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 17% และอีวีสูงถึง 13%