เปิดประวัติ ดร.ยุ้ย เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ทีมนโยบายชัชชาติ

ดร.ยุ้ย เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์
PHOTO : PRACHACHAT/Illustration/Bhattarada Manee/ Facebook : ดร.ยุ้ย เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์

รู้จัก “ดร.ยุ้ย” เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ที่ปรึกษายุทธศาสตร์ ทีมนโยบายชัชชาติ และผู้บริหารธุรกิจอสังหาฯ 

“ดร.ยุ้ย” เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะทีมนโยบายของ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปรากฏข่าวเตรียมนั่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะออกมาปฏิเสธขอทำหน้าที่ช่วยว่าที่ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครคนที่ 17 ในฐานะ Chief Strategist หรือ ที่ปรึกษายุทธศาสตร์ เท่านั้น

ประชาชาติธุรกิจ ชวนทำความรู้จัก “ดร.ยุ้ย” เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ จากมือฉมังในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สู่มันสมองพัฒนากรุงเทพฯ ในทีมชัชชาติ

“ดร.ยุ้ย” มันสมอง พัฒนากทม. ทีมชัชชาติ

“ดร.ยุ้ย” เป็นคนกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด จบการศึกษาจากโรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโท ด้านการเงินที่ University of California at Riverside ปริญญาโทและเอกด้านเศรษฐศาสตร์ซึ่งเป็นทุนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ Claremont Graduate University

เมื่อจบปริญญาเอก ได้เป็นด็อกเตอร์ “ดร.ยุ้ย” ได้เข้ามาเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยาวนานกว่า 10 ปี

“ดร.ยุ้ย” เล่าผ่านข่าวสดว่า ได้รู้จักกับว่าที่พ่อเมืองกรุงเทพฯคนที่ 17 จากการเป็นอาจารย์ที่ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนั้น “ชัชชาติ” ได้เรียน MBA (ปริญญาโทบริหารธุรกิจ) อยู่

“ดร.ยุ้ย” เล่าต่อว่าหลังจากชัชชาติได้ เปิดตัวเตรียมลงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้มาชักชวนใช้เวลานานเป็นปี ให้เป็นส่วนหนึ่งในทีมนโยบายเพื่อนชัชชาติ ในตอนที่ถูกชักชวนเข้ามาก็มีความกังวลว่า ไม่แน่ใจว่ามีความาสามารถเพียงพอไหม หรือมีความเหมาะสมหรือไม่

ส่วนการตัดสินเข้าร่วมทีมเกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะการปิดแคมป์คนงานทำให้รู้สึกถึงความยากลำบากของคนที่ไม่มีทางออก โดนพิษทั้งเศรษฐกิจ ทำให้รู้สึกว่ามีความยากลำบากมาก และสิ่งที่เอกชนทำได้ คือการให้ แต่ไม่สามารถใช้แก้ได้

วิธีการเดียวที่จะช่วยแก้ได้คือ การเอาตัวเองไปอยู่ในมุมของ Regulator (ผู้ควบคุม) จึงจะช่วยแก้ปัญหาได้ จึงได้รับเข้าเป็นหนึ่งในทีมชัชชาติ สิ่งที่รู้สึกตลอดมาของการเป็นผู้ให้คือ เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่เรื่องที่จีรังได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือการช่วยแก้

สิ่งที่อยากทำทันที เพื่อทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองที่น่าอยู่ของคนทุกคนตามนโยบายของชัชชาติ คือ การทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองที่น่าอยู่ ของกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย หรือ กลุ่มคนในชุมชนแออัด ที่มองว่ากรุงเทพเป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่ หรืออยู่ยาก ต้องใช้ความท้าทายอย่างมากในการอาศัยอยู่

หลายครั้ง “ดร.ยุ้ย” เล่าว่าการที่เห็นภาพเธอลงชุมชนแออัดบ่อยครั้งนั้น เป็นเพราะต้องการทราบวิธีแก้ปัญหาในการทำให้ชุมชนแออัดให้ดีขึ้น ถ้าเราต้องการแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ไม่ใช่การแก้ปัญหาเพียงทำให้คนเหล่านั้นมีที่อยู่อาศัย แต่มันคือการแก้ทั้งระบบนิเวศ

“ดร.ยุ้ย” ระบุว่า การเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมนโยบายของชัชชาติ คือ การการเห็นกลุ่มคนที่ 2 ของทุกครอบครัวในชุมชนแออัด มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่ากลุ่มแรก ที่มีความเป็นไปได้ในที่จะได้ออกจากชุมชนแออัดได้ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน

“ดร.ยุ้ย” ในพาร์ตผู้บริหาร

ในปี 2562  “ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” ขณะเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเสนาฯ พูดคุยพิเศษ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงมุมบริหารคนในการทำธุรกิจอสังหาฯ ในแบบของเสนา คือ การให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ “ทีมเวิร์ก” ซึ่งเป็นการทำให้พนักงานของเสนาฯ เป็น “เนื้อเดียวกัน”

“ในฐานะที่เป็นอาจารย์มาก่อน การทำงานคนเดียวเราอาจจะรู้สึกว่าดี แต่ในการทำงานร่วมกัน ไม่ถามหรือคุยกับคนอื่นมันก็อยู่ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ถือว่าไม่ใช่คนในแบบที่เสนาฯต้องการ เพราะธุรกิจคือทีมเวิร์ก”

“ขายเก่งไม่มีประโยชน์ ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่โอนไม่ได้ก็จบ เมื่อเราชัดเจนว่าคนในแบบเสนาฯจะต้องเต็มที่และให้ความสำคัญของลูกค้าและทีมเวิร์ก เป็นหน้าที่ของฝ่าย HR ที่จะหาคนทำงานให้ได้ตามสเป็กที่ต้องการ”

ในเดือนมีนาคม ในปีที่ผ่านมา “ดร.ยุ้ย” ในฐานะผู้บริหารเสนาฯ ได้แถลงการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ของเสนาฯ ภายใต้กลยุทธ์ “SENA Next” มิติใหม่สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ผ่าน SENA Next มี 3 เรื่องหลัก หนึ่งในเรื่องสำคัญคือ แผนปี 2565 ของบริษัทเสนาฯ จะมีโครงการใหม่ 49 โครงการ 27,480 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวสูง 21 โครงการ บ้านแนวราบ 28 โครงการ พร้อมวางเป้าหมายยอดโอน 12,186 ล้านบาท

ตั้งเป้ายอดขาย 13,979 ล้านบาท มาจากการขายโครงการปัจจุบัน 41 โครงการ มูลค่ารวม 25,137 ล้านบาท และโครงการใหม่ 49 โครงการ มูลค่า 27,480 ล้านบาท ส่งผลให้มีโครงการอยู่ระหว่างการขายในมือเพิ่มเป็น 90 โครงการ รวมมูลค่า 52,617 ล้านบาท

นี่คือเรื่องราวบางส่วนของ “ดร.ยุ้ย” ผู้เป็นมันสมองในทีมวางแผนกว่า 200 นโยบายของชัชชาติ ซึ่งคนกรุงเทพฯตั้งความหวังว่าทุกนโยบายจะกลายเป็นความจริง