สุดารัตน์ นั่งแคนดิเดตนายกฯ ไทยสร้างไทย อาสาพลิกวิกฤตประเทศ

สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

สุดารัตน์ จ่อนั่งหัวหน้าพรรค-แคนดิเดตนายกฯ ไทยสร้างไทย ลั่น ใช้ประสบการณ์ 30 ปี ไม่มีประวัติด่างพร้อย พลิกวิกฤตประเทศ ให้ชีวิตคนไทยดีกว่าที่เป็นอยู่

วันที่ 9 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ พรรคไทยสร้างไทยจัดงานประชุมใหญ่พรรค ภายใต้ชื่อว่า “มาร่วมกันเปลี่ยนประเทศ กับพรรคไทยสร้างไทย ปลดล็อก เดินหน้า สร้างเศรษฐกิจ สร้างชีวิตที่ดีกว่า” ทั้งนี้ ที่ประชุมจะมีการเลือกคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งสมัยหน้า

คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความพร้อมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ว่า “จริง ๆ ตั้งใจจะเกษียณทางการเมือง แต่ในช่วง 30 ปีที่ทำงาน ไม่เคยเห็นยุคไหนสมัยไหนที่ประชาชนลำบาก ยากจน ข้นแค้น และประเทศต้องเสื่อมทรุดได้มากในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมั่นใจว่าจะใช้ประสบการณ์การเมือง จะสร้างพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนจริง ๆ”

คุณหญิงสุดารัตน์บอกว่า จะอาสาตัวเองเป็นแค่เสาเข็ม เป็นแค่ฐานราก และเป็นสะพานเชื่อมคนใหม่ ๆ ทุกช่วงวัย เข้ามาช่วยกันสร้างบ้านเมืองกันใหม่ เปลี่ยนประเทศ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพราะถ้าไม่ทำอะไร ประเทศไปต่อไม่ได้ เพราะเรามีปัญหาภายใน มีความขัดแย้งทางการเมือง มีรัฐธรรมนูญที่เผด็จการเขียน เป็นตัวถ่วงการพัฒนาประเทศ

เรายังเจอวิกฤตของโลกที่เปลี่ยนไปทั้งภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่เปลี่ยน มีความสำคัญต่อประเทศไทย เราเห็นแล้วว่า พอเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน จีน-ไต้หวัน มันกระทบซัพพลายเชนทั้งหมดและโลกเปลี่ยนจากโลกาภิวัตน์ มาเป็นโลกสองขั้ว คือวิกฤตของโอกาสประเทศไทย ถ้าผู้นำมีวิสัยทัศน์จะพลิกวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ

“จึงตั้งใจใช้ประสบการณ์ 30 ปี เป็นรากฐานและดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาทำงานช่วยกันสร้างประเทศไทยกันใหม่ ส่งมอบให้กับลูกหลานของเราหรือคนรุ่นใหม่ เป็นความตั้งใจและเป็นงาน master peace ครั้งสุดท้าย ไม่ใช่เป็นพรรคของกลุ่มทุนใด แต่เป็นพรรคของประชาชนตัวเล็ก คือประชาชนทั่วไปที่ถูกกดทับ ตั้งใจทำครั้งนี้ให้กับประชาชน ตั้งใจทำให้ ไม่ทำเอา”

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ส่วนความพร้อมเป็นหัวหน้าพรรคและนายกฯ นั้น ตนมีความพร้อม และมีความมั่นใจ ในการรับใช้ประชาชนมา 30 กว่าปี ทำเรื่องยากให้สำเร็จ ทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนในช่วงที่อยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราได้ทำเรื่องการปฏิรูปสินค้าเกษตร ยกระดับ เพิ่มราคา แต่เสียดายเกิดการรัฐประหาร 2549 ทำรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศ

หรือแม้แต่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ในฐานะผู้ปฏิบัติ เป็นรัฐมนตรีอยู่ถึง 4 ปีเต็ม เป็นนโยบายที่ยากแต่ก็ทำสำเร็จ การปราบโรคซาร์ส ไข้หวัดนก เราปราบได้เร็วไม่ยืดเยื้อเหมือนโควิด-19 ช่วงที่ตนรับผิดชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาจราจร ก็ทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา ทางลอด ทางด่วนหลายโครงการ

มั่นใจประสบการณ์มีความสำคัญโดยเฉพาะโลกยุคใหม่ ผู้ที่จะอาสาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่โกง มีความซื่อสัตย์ เพราะประเทศชาติเราในช่วง 8 ปี หลังเรามีปัญหาคอร์รัปชั่น และเราถูกปรับลดลำดับชั้นตกชั้นไปเรื่อย ๆ การคอร์รัปชั่นเป็นขยะกองโต ที่ขัดขวางการพัฒนาประเทศ แนวคิดแบบอำนาจนิยมเป็นอุปสรรคใหญ่ในการขัดขวางการพัฒนาประเทศ

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า และสิ่งสำคัญตนเรียนรู้ รับฟังความคิดเห็นต่าง และเรียนรู้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในโลก เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เป็นโลกแห่งความไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้นำจะต้องเรียนรู้ให้ทัน พร้อมที่จะแบกรับแทนประชาชนทุกคน สิ่งที่เป็นประสบการณ์ 30 ปี ได้ผ่านเรื่องยาก ๆ ทั้งวิกฤตการเมือง เรื่องยากทำสำเร็จมาแล้วทุกงาน

ได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นรัฐมนตรีไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ถูกกลั่นแกล้งช่วงปฏิวัติปี 2549 ถูกยัดคดีให้ แต่สุดท้ายก็ชนะเป็นเอกฉันท์ทั้งในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และในชั้นศาลปกครอง

“และคิดว่า ความพร้อมดิฉันคือความตั้งใจ สะสมประสบการณ์และมองเห็นว่าประชาชนทุกข์ยากแค่ไหน วันนี้มีความตั้งใจจริงที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับประเทศ ที่จะทำให้ประเทศไทยของเราดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน ชีวิตคนไทยดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ชีวิตคนไทยต้องง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และเรามีแนวคิด มีแนวทาง พร้อมที่จะแบกรับปัญหาและนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤต” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว