เปิดตัว บ้านใหญ่ พรรคใหม่ ปักหมุดฐานเสียง ชี้ขาดเลือกตั้ง 2566

นายกฯ
คอลัมน์ : รายงานพิเศษ

การเมืองงวดเข้าใกล้จุดไคลแม็กซ์ ป้ายการเลือกตั้ง 2566 เห็นอยู่ข้างหน้าอีกไม่ไกล ไม่เกิน 4-5 เดือนข้างหน้าจะได้เข้าคูหา

“บ้านใหญ่” เป็น “จุดชี้ขาด” อยู่ในมือ 4 พรรคการเมือง พรรคประยุทธ์ มีบ้านใหญ่จุลใส บ้านใหญ่ชมกลิ่น พรรคประวิตร มีบ้านใหญ่รัตนเศรษฐ-นิติกาญจนา-นพอมรบดี และบ้านใหญ่อัศวเหม พรรคภูมิใจไทย-แหล่งรวมคนบ้านใหญ่ อาทิ วิลาวัลย์ และพรรคเพื่อไทย บ้านใหญ่กัลป์ตินันท์ บ้านใหญ่สมชัย บ้านใหญ่โควสุรัตน์ บ้านใหญ่คุณปลื้ม

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ “ผู้กำหนดเกม” อยู่ครบวาระ หรือยุบสภา ถือความได้เปรียบทุกพรรคเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการ

ส่วน “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ประกาศลั่นกลางกระดานขอสู้ยิบตา แม้ว่าจะมี ส.ส.ย้ายข้าง จนเหลือ ส.ส.ในมือแค่ 82 คน ทว่าบ้านใหญ่หลายก๊กยังอยู่กับพี่ใหญ่ป้อม

พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังสูบ กวาดต้อน ส.ส.เกือบทุกพรรคมาร่วมขบวน ได้ “บี พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” มาเป็นแม่ทัพ กทม. ประกาศเดินเกมรุกกรุงเทพฯ หลังจากจัดทัพ-วางตัว ส.ส.ภูธรไว้พร้อมสรรพ

ขั้วฝ่ายค้านที่หวังจะพลิกมาเป็นรัฐบาล อย่างพรรคเพื่อไทย “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศชัดเจนเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค

ส่วน “เศรษฐา ทวีสิน” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อก้อง กำลังก้าวสู่ “แถวหน้า” พรรคเพื่อไทย กลางสปอตไลต์การเมืองมากขึ้นทุกขณะ

รอแค่การประกาศเลือกตั้ง-ยุบสภา เริ่มภารกิจปราศรัยใหญ่เดือนละ 2 ครั้ง ก่อนมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง

กทม.เสียงแตก-ฝ่ายค้านแข็งโป๊ก

ขณะที่พรรคการเมืองอื่น ๆ ร่วมเฟรมก็ไม่อาจประมาทได้ กระแสของพรรคก้าวไกล ยังหวังกวาดเสียงของคนรุ่นใหม่กว่า 8 ล้านเสียง ทุกพรรคการเมืองในสนาม กทม.ล้วนกลัวพรรคก้าวไกล

ขณะที่พรรคเก่าแก่ที่สุด อย่างพรรคประชาธิปัตย์ หวังมัดใจโหวตเตอร์เกษตรกร ด้วยการสานต่อโครงการประกันราคา ถ้าได้กลับมาร่วมรัฐบาล

พรรคใหม่ที่เหลือ ทั้งไทยสร้างไทย สร้างอนาคตไทย ชาติพัฒนากล้า ก็ต้องผนึกกำลังกันร่วมรบหนีตายกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบคิดคะแนนแยกระหว่าง ส.ส.เขต กับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

ทว่าการเลือกตั้งรอบนี้ จำนวน ส.ส.เขตเพิ่มจาก 350 เขต มาเป็น 400 เขต จังหวัดใหญ่ ๆ ที่เป็น “จุดชี้ขาด” ทางการเมืองก็มีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นมาให้บรรดาพรรคขาใหญ่ทั้งหลายส่งผู้สมัครลงไปชิงชัย

กรุงเทพมหานคร เพิ่มจาก 30 เขต เป็น 33 เขต ในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2562 พรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดคือพรรคพลังประชารัฐ กวาดไป 12 เขต พรรคเพื่อไทย 9 เขต พรรคอนาคตใหม่ 9 เขต

มาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ 12 ส.ส.กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ กลับแตกกระเจิง อาทิ กลุ่ม “บี พุทธิพงษ์” ซึ่งมี นายจักรพันธ์ พรนิมิตร น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย มาดามเดียร์ “วทันยา วงษ์โอภาสี” ขนข้าวของไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ หวังเกาะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

นอกจากนี้ ยังมีพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เข้ามาผสมโรง

พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนแม่ทัพจากเจ้าแม่ กทม. มาเป็น “มาดามนครบาล” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด สร้างผลงานกวาด ส.ก.ไป 20 เขต หวังต่อยอดได้ ส.ส.เพิ่มในพื้นที่ กทม. ยังได้ กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ จากพรรคพลังประชารัฐ มาเสริมทัพในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในอีกคน

ส่วนพรรคก้าวไกล ที่ใคร ๆ ก็กลัว นอกจากรักษาเสียงคนรุ่นใหม่ไว้ได้ ยังเจาะกลุ่มไปยังกลุ่มบ้านมีรั้ว-คอนโดฯ วางคอนเซ็ปต์นโยบายรื้อโครงสร้างภาพใหญ่ เข้าถึงใจคนชั้นกลางในเมือง เตรียมดึง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า มาเป็นผู้ช่วยหาเสียง เรียกเรตติ้งการเมือง

อีสานเพื่อไทยถูกแชร์แต้ม

ภาคอีสาน ส.ส.เพิ่มจาก 116 ที่นั่ง เป็น 132 ที่นั่ง เป็นภาคที่มี ส.ส.มากที่สุด เพื่อไทยได้ 84 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 16 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 11 ประชาธิปัตย์ 2 อนาคตใหม่ 1 ชาติพัฒนา 1 ที่นั่ง

พรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่เข็น “แพทองธาร” ขายแบรนด์ชินวัตรเต็มพิกัด หวังกวาด ส.ส.ได้มากกว่าปี’62 เนื่องจากมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นมา ฐานอีสานอันแข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทย อยู่ในโซนอีสานเหนือ อาทิ อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู

แต่ศึกครั้งนี้ต้องมีพรรคไทยสร้างไทยมาเป็นตัวแชร์แต้ม และพรรคภูมิใจไทยบางพื้นที่อาจแลนด์สไลด์ไม่ได้ยกจังหวัด

อย่างน้อย ๆ อุดรธานี จักรพรรดิ ไชยสาส์น ก็ประกาศตัวไปอยู่พรรคภูมิใจไทย นครพนม ที่มีศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ก็ทำพื้นที่ต่อเนื่อง

แม้พรรคเพื่อไทยจะประกาศให้ “ไพจิตร ศรีวรขาน” ได้ลง ส.ส.นครพนม ต่อ แต่ยังมี “สุจินดา ศรีวรขาน” อดีตรองนายก อบจ.นครพนม ได้ร่วมทำงานเป็นที่ปรึกษา ให้กับศุภานี โพธิ์สุ นายก อบจ.นครพนม คนปัจจุบัน ลูกสาวของ “ศุภชัย”

นอกจากนี้ ยังมี “ชวลิต วิชยสุทธิ์” ส.ส.เพื่อไทยปัจจุบัน ก็ได้เริ่มเปิดตัวทำงานให้กับพรรคไทยสร้างไทย หลังไม่มีชื่อลง ส.ส.เขต

ภูมิใจไทย บุรีรัมย์ยกจังหวัด

ส่วนโซนอีสานใต้ พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่แลนด์สไลด์ และมีแนวโน้มที่จะเสียหลายพื้นที่ เพราะเที่ยวนี้พรรคภูมิใจไทยตั้งใจ “ตอกเสาเข็ม”

บุรีรัมย์ เพิ่มจาก 8 เป็น 10 เขต “ภูมิใจไทย” หวังกวาดครบทั้งหมด ส่วนสุรินทร์ ศรีสะเกษ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังลุ้นวลีนี้ให้กลับมาฮิตอีกครั้งคือ “รับเงินหมา กาเพื่อไทย” แต่ถ้าวลีนี้ “หมดความขลัง” อาจจะเสียพื้นที่ให้กับพรรคภูมิใจไทย

อย่างไรก็ตาม อีสานใต้ยังมี “อุบลราชธานี” เป็นพื้นที่ให้ชิงชัยกันหลายก๊ก โดยเพิ่มจาก 10 เขต เป็น 11 เขต เนื่องจากมีบ้านใหญ่การเมืองหลายบ้าน ทั้ง บ้านใหญ่กัลป์ตินันท์ บ้านใหญ่สมชัย บ้านใหญ่โควสุรัตน์

เช่นเดียวกับ นครราชสีมา เพิ่มจาก 14 เขต เป็น 16 เขต ในพื้นที่โคราช ตอนการเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐกวาดไป 6 เขต ภูมิใจไทยได้ไป 4 เขต เพื่อไทยได้มา 3 เขต และพรรคชาติพัฒนาได้ไป 1 เขต เป็นการแข่งขันระหว่างบ้านใหญ่

อาทิ บ้านใหญ่รัตนเศรษฐ “วิรัช รัตนเศรษฐ” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดิมพัน นครราชสีมา “ยกจังหวัด” ส่ง “ทายาทรัตนเศรษฐ” นายอธิรัฐ เขต 7 นายทวิรัฐ เขต 4 นายตติรัฐ เขต 8 และนางอรัชมน สะใภ้บ้านใหญ่รัตนเศรษฐ เขต 9

ขณะที่บ้านใหญ่จันทรรวงทอง ที่คราวนี้ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ส่งลูกชายลงแทน แล้วตัวเองขยับไปเป็นบัญชีรายชื่อ

ส่วนพรรคภูมิใจไทย ต้องจับตาภายหลัง “เสี่ยโรงแป้ง” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล แห่งพรรคภูมิใจไทย ถอนตัวจากการเมือง ด้วยเหตุผลหน้าฉาก เพราะปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ความร้อนแรงของพรรคภูมิใจไทยในเมืองโคราชอ่อนแรงลง

ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี “แรมโบ้” สุพร อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ คอยจัดทัพ

เสี่ยเฮ้ง ชนบ้านใหญ่คุณปลื้ม

ส่วนภาคอื่น ๆ ที่อาจเป็น “จุดชี้ขาด” ชัยชนะในแต่ละโซน อาทิ เชียงใหม่ จาก 9 เขต เป็น 11 เขต ในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว ปี 2562 พรรคเพื่อไทย กวาดได้ทั้ง 9 ที่นั่งแบบแลนด์สไลด์

แต่ภายหลังที่ “สุรพล เกียรติไชยากร” ถูก กกต.แจกใบส้ม-ส้มหล่นจึงมาอยู่ที่ “ศรีนวล บุญลือ” จากอนาคตใหม่ ก่อนกลายเป็น “งูเห่า” ซบภูมิใจไทย ส่วนเชียงราย เพิ่มจาก 7 เขต เป็น 8 เขต แต่เดิมพรรคเพื่อไทยคิดว่าแลนด์สไลด์ แต่เมื่อบ้านใหญ่ “วันไชยธนวงศ์” ย้ายขั้วไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ก็อาจมีสะดุด

เช่นเดียวกับภาคเหนือตอนล่างพรรคเพื่อไทยอาจต้องสู้กับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีบ้านใหญ่หลายก๊ก อาทิ ก๊กของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก๊ก-สันติ พร้อมพัฒน์ กลุ่มกำแพงเพชร ของ “วราเทพ รัตนากร”

ภาคตะวันออก ชลบุรี จาก 8 เขต เป็น 10 เขต อาจต้องจับตาที่สมรภูมิแห่งนี้ เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ มีชายที่ชื่อ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน เตรียมส่งผู้สมัครลงทั้ง 10 เขต

เป็น บ้านใหม่ชมกลิ่น ปะทะ บ้านเก่า ตระกูลคุณปลื้ม ที่มีข่าวจะกลับไปซบกับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังต้องชนกับพรรคก้าวไกล คู่แข่งที่ประมาทไม่ได้

รุมกินโต๊ะประชาธิปัตย์

ภาคใต้เป็นพื้นที่ขับเคี่ยวกันถึง 4 พรรค ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะขั้วเดียวกัน แต่คนละข้าง ชูทั้งลุงตู่ และ ลุงป้อม ส่วนพรรคภูมิใจไทย มีพลังงานพิเศษของบ้านใหญ่ โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวสอดแทรก

พล.อ.ประยุทธ์ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ต้องการเป็นนายกฯ ต่อเป็นสมัยที่ 3 แต่ยังต้องต่อกรกับพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พรรคเพื่อไทย ต้องการแลนด์สไลด์เพื่อเป็นจุดสตาร์ตพา “ทักษิณ” กลับบ้าน (อีกครั้ง) หากต้องถูกพรรคก้าวไกลตัดคะแนนจากฐานเดียวกัน ขณะที่พรรคต่าง ๆ ก็ต้องการมีที่นั่ง ส.ส.ในมือ

การเลือกตั้งใหญ่ 2566 จะมีพื้นที่จังหวัดใหญ่เป็นจุดชี้ขาดชัยชนะ