เตรียมปิดตำนาน เต้ มงคลกิตติ์ ประกาศลาออก ส.ส. 17 กุมภาพันธ์

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
ภาพจากเฟซบุ๊ก มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

เต้ มงคลกิตติ์ ประกาศกลางสภา คืนอำนาจอธิป 17 กุมภาพันธ์ไตย ให้ 66 ล้านคนตัดสิน รับ ไม่ใช่นักการเมืองที่ดี 100%

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ประกาศว่าวันนี้ ทำหน้าที่ ส.ส.เป็นวันสุดท้าย

โดยระบุภายหลังอภิปรายประเด็นทุนจีนสีเทา รวมถึงอภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โดยระบุว่า ดูด ปล้น ส.ส.จากพรรคอื่น

ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า สุดท้าย ตนจะทำหน้าที่ในสภาแห่งนี้ที่ตนภูมิใจ วันนี้ตนได้ทำหน้าที่อภิปรายในฐานะ ส.ส.ฝ่ายค้านเป็นครั้งสุดท้าย ของสภาชุดนี้ ตนได้ทำหน้าที่ ส.ส.กว่า 3 ปี 11 เดือน ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน 11 เดือน ทำหน้าที่ฝ่ายค้านและฝ้ายค้านอิสระ 3 ปี สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าในกายตนเป็น ส.ส.ที่มาจากประชาชน 100% ไม่ได้ซื้อเสียงแม้แต่คะแนนเดียว แม้คะแนนไม่มากนัก 60,054 คะแนน

ในห้วง 4 ปี เดินทางไปทั่วประเทศ รับฟังปัญหาของประชาชน เสนอปัญหาสู่สภาแก้ไขทั้งทางตรงทางอ้อม เสนอกฎหมายมากกว่า 6 ฉบับด้วยกัน ทั้งกระทู้สด อภิปรายงบประมาณ 3 ปี อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ไม่ลงมติอย่างละ 3 ครั้ง หารือแก้ไขปัญหาประชาชน 40 ครั้ง 100 กว่าเรื่อง

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
ศูนย์ภาพเครือมติชน

เรื่องอภิปรายอื่น ๆ จำนวนมาก และตนเป็น ส.ส.ที่ร่วมทุกข์กับประชาชนเกือบทุกเหตุการณ์ อภิปรายขัดขวางโครงการที่ส่อไปในทางทุจริตหลายโครงการ

Advertisment

“แม้ผมจะไม่ใช่นักการเมืองที่ดี 100% และมีข้อบกพร่องอยู่ แต่หัวใจคิดอยู่อย่างเดียว คือจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชน 66 ล้านคน มีชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายขึ้น ยิ้มได้กว้างขึ้น มีปัญหาน้อยลง แม้ผมจะเหนื่อยมากก็ตาม”

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ในอีก 2 วันข้างหน้าคือ 17 กุมภาพันธ์ จะคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน 66 ล้านคน เพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม ว่าผู้แทนราษฎรแบบตน พรรคไทยศรีวิไลย์ที่มีตนเป็นหัวหน้าพรรค มีประโยชน์ต่อประเทศไทย ประชาชนไทยหรือไม่

Advertisment

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ เป็น ส.ส.ครั้งแรก ได้สร้างวีรกรรมทางการเมืองหลายครั้ง โดยเคยท้าต่อยกับ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมกับประกาศว่าตนไม่ใช่คนติ๋มผ่านทางโลกโซเชียลมีเดีย

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
ศูนย์ภาพเครือมติชน

“สมัยพี่หนุ่ม ๆ พี่ไม่ใช้ลูกน้อง พี่ลงมือเอง เพราะลูกน้องโหดไม่เท่าพี่ สมัยเทคนิคไทยเยอรมัน มีเรื่องชกต่อยทุกวันสมัยเรียน พี่ชนะห้องนี้ไปชนะห้องอื่นต่อ พี่จะนัดต่อยกันทุกวัน สมัย ร.ด. ปีหนึ่งมีเรื่องที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พี่มี 30 ฝ่ายโน้นมี 60 พี่เป็นคนเปิด”

“ปกติใครมีเรื่องที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือก็จะมาหาพี่ก่อน เพราะพี่จะรู้หมดว่าใครอยู่ซุ้มไหน ตอนนั้นพี่เป็นประธานชมรมเพาะกาย มีพวกห่าม ๆ เป็นสมาชิกชมรม 5 พันคน”

“พี่ไม่ใช่คนติ๋ม ถามเพื่อนพี่ที่จบวิศวะรุ่นเดียวกันได้ พี่โหดขนาดไหนนะครับ นักการเมืองไม่กล้ายุ่งกับพี่ละกัน เมื่อก่อนพี่ต่อยกับนักมวย นักมวยแพ้พี่นะครับ ตอนอายุ 16 พี่ไม่ฆ่ามันก็ดีแล้ว”

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
ศูนย์ภาพเครือมติชน

ต่อมา 20 สิงหาคม 2564 “มงคลกิตติ์” โพสต์เฟซบุ๊ก ท้าต่อย “พล.อ.ประยุทธ์” ระบุว่า.. “เพื่อทางออกของบ้านเมืองแบบสันติไม่มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้อ ผมขออนุญาตเป็นตัวแทนประชาชน ขอท้าชก กับ นายกรัฐมนตรี ส.ส.เต้ หัวใจเป็นของประชาชน

1.มวยไทยคาดเชือกมือเปล่า เท้าเปล่า พันผ้าก๊อซ

2. นายกฯ อายุ 67 ปี ผม 40 ปี ท่านแก่กว่าผม อายุห่างกัน 27 ปี น้ำหนักเท่า ๆ กัน 79-80 kg. สูงพอ ๆ กัน ผมจึงต่อให้ท่าน ผมขอใช้ มือขวาข้างเดียว ไม่ใช้มือซ้ายและเท้าเตะทั้ง 2 ข้าง ส่วนนายกฯ ใช้ได้ทั้งมือและเท้า

3. สู้กัน 3 ยก ยกละ 3 นาที

4.ถ้านายกรัฐมนตรีชนะ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ส่วนผม ลาออกจาก ส.ส. แต่ถ้าผมชนะ นายกฯ ต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี ทันที เปิดทางสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่

5. ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่รับคำท้าผม แสดงว่า ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไม่เหมาะสมเพราะเป็นถึงอดีตผู้นำเหล่าทัพ ใจไม่สู้ ใจปลาซิว ผมขอให้ท่าน ลาออกจากนายกรัฐมนตรี ทันที

6.ชกกันที่ สนามมวยลุมพินี กติกา มวยคาดเชือก

7. ผมให้เวลาท่านตัดสินใจ 10 วัน

8. ห้ามส่งคนชกแทน ถือว่าผิดกติกา”

อย่างไรก็ตาม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้ขออาสาท้าชกกับนายมงคลกิตติ์แทน

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
ศูนย์ภาพเครือมติชน

นอกจากนี้ นายมงคลกิตติ์ยังสร้างเสียงฮือฮา ด้วยการรับช่วงต่อในการทำคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์

“มงคลกิตติ์” กล่าวถึงเหตุผลที่เข้ามาทำคดีแตงโมในรายการโหนกระแส วันที่ 3 มิถุนายน 2565 ตอนหนึ่งว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ ตัวคุณแม่แตงโม มาร้องให้พรรคช่วยในเรื่องคดี เป็นนโยบายของพรรคซึ่งตั้งมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งมีนโยบายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมปกป้องคนจนอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม วันที่ 17 มิถุนายน 2565 ก็ตัดสินใจถอนตัวจากการทำคดีดังกล่าว 100%