เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง ปราศรัยพิษณุโลก ฟื้นบางระกำโมเดล แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง

เศรษฐา แพทองธาร พรรคเพื่อไทย

แพทองธาร-เศรษฐา ขึ้นเวทีปราศรัยพิษณุโลก ประกาศฟื้นบางระกำโมเดลยุคยิ่งลักษณ์ อัพเกรดเป็นสนามบินนานาชาติ

วันที่ 12 มีนาคม 2566 ณ อาคารเป็ดร่วมใจ วัดวังเป็ด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง นำโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารปราศรัยว่า เมื่อมาถึงพิษณุโลกก็อดกล่าวถึงคุณอา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ เพราะครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยคิดไว้ว่าจะพัฒนาบางระกำโมเดล เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม-น้ำแล้งให้พี่น้องประชาชน แต่ถูกรัฐประหารไปก่อน พี่น้องประชาชนจึงถูกพรากโอกาสได้พัฒนาชีวิตไป

ดังนั้น ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พรรคเพื่อไทยจึงจะนำบางระกำโมเดล กลับมาให้พี่น้องชาวพิษณุโลกอีกครั้ง เพื่อคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนอีกครั้ง โดยอย่างแรกคือการขยายคลอง เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำน่านลงสู่แม่น้ำยม ไม่ให้น้ำค้างอยู่ในที่นาของประชาชนนานเกินไป

อย่างที่สองคือ การทำแก้มลิงขนาดใหญ่ เพื่อดักน้ำที่ไหลหลากให้พี่น้อง และอย่างที่สามคือ การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำชุมชนให้พี่น้องได้มีใช้ในหน้าแล้ง นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะพัฒนานโยบายนี้ให้ครอบคลุมถึงการยกสะพานเพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวก ถนนไม่ขวางทางน้ำ เพราะพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าปัญหาน้ำเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบรายได้ของพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ อุปสรรคของเกษตรกรที่ก่อให้เกินหนี้สินมากมาย หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเราพร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันที เริ่มจากการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี พร้อมกับนโยบาย 3ดี ได้แก่ 1.ดินดี น้ำดี นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำการเกษตรเพื่อทำให้น้ำและดินเหมาะสมกับการเพาะปลูก 2.เมล็ดพันธุ์ดี’ ช่วยทุ่นแรงในการหาเมล็ดพันธุ์ที่ดีในการเพาะปลูก 3.ขายได้ราคาดี ราคาสินค้าเกษตรต้องขึ้นยกแผง ภายใน 4 ปี พี่น้องเกษตรกรจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า

นอกจากนี้ เรื่องการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทยตั้งใจพี่จะพัฒนาให้สนามบินพิษณุโลกกลายเป็นสนามบินนานาชาติ เพิ่มเที่ยวบิน และสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนรุ่นใหม่ได้มีทางเลือก ได้ทำในสิ่งที่สนใจ แม้เมืองพิษณุโลกจะมีสองแคว แต่ขอให้ชาวพิษณุโลกรวมใจกันเป็นหนึ่ง เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค ให้แลนด์สไลด์ทั้งพิษณุโลก”

ด้านนายเศรษฐากล่าวว่า วันนี้ในฐานะน้องใหม่ทางการเมือง มาพร้อมกับหัวใจที่มีความเชื่อมั่นในอำนาจของประชาชน เชื่อมั่นในระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร

วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาพิจารณาว่า ในในรอบ 8 ปีอันยาวนาน เราเจอปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหารายได้ตกต่ำ เหล่านี้ เป็นปัญหาที่กินใจพวกเราเหลือเกิน ครึ่งหนึ่งของประชากรพิษณุโลกเป็นเกษตรกร มีหนี้สินที่เกิดจากการทำการเกษตร ไม่น่าเชื่อว่านี่อู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ พี่น้องเกษตรกรเป็นหนี้ ใช้หนี้ไม่พอ เกิดจากผู้นำประเทศไม่ไปขยายตลาด ไม่มีนวัตกรรมมาเสริม ทำนาแทบตายต่อไร่ได้เงินสุทธิแค่ 1,000 บาทแล้วจะกินจะอยู่กันอย่างไร

คนแก่ คนเฒ่าเกษียณไป มีเงินไม่สามารถเลี้ยงดูได้อย่างมีศักดิ์ศรี นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ พรรคเพื่อไทยเราใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม ถ้าเกิดเราได้เข้ามาบริหารจัดการเรื่องเกษตรกรรมตนเชื่อว่าว่ารายได้ของเราจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี เงินสุทธิที่เคยได้ต้องเป็น 3,000 บาท

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นลำบาก ถ้าเกิดพรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศแบบพรรคเดียว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้กล่าวไว้แล้ว เรามี 250 ส.ว.เป็นขวากหนามที่ต้องฟันฝ่าเข้าไป พรรคเพื่อไทยต้องได้อย่างน้อย 310 ที่นั่ง เริ่มต้นที่นี่เริ่มต้นวันนี้ 5 เขต ของจังหวัดพิษณุโลกต้องยกจังหวัด

“ผมไม่อยากกลับมาที่นี่อีก เพื่ออธิบายว่าทำไมทำไม่ได้ แต่ถ้าเกิดยกเขตได้ 5 เขตในพิษณุโลก ตนเชื่อว่าทุกเรื่องที่ท่านหัวหน้าได้พูดเราต้องทำได้ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาดูว่า 8 ปีมันเพียงพอ 4 ปีต่อไปเราอยากได้อะไร คิดให้ดี อย่าปันใจไม่ต้องมีพรรคพี่ พรรคน้อง พรรคสาขาไม่มี เราไม่เคยพูด ต้องพรรคเพื่อไทยทั้ง 5 เขตพิษณุโลกและแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” เศรษฐา ทวีสิน กล่าวทิ้งท้าย