เพื่อไทย ปักธง ส.ส. 310 ที่นั่ง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

เพื่อไทย ปักธง ส.ส. 310 ที่นั่ง

เพื่อไทย จัดประชุมใหญ่ ปักธง 310 เสียง เป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง กำจัดระบอบประยุทธ์ หมอชลน่าน มั่นใจได้ ส.ส.ทุกภาค ประกาศชูธงปักชัยแลนด์สไลด์ สู่เพื่อไทย ทั้งแผ่นดิน

วันที่ 9 มีนาคม 2566 เวลา 10.10 น. พรรคเพื่อไทยจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ณ สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย โดยมีแกนนำพรรค อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมถึง ส.ส. และผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรค สมาชิกพรรคมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ชูธงปักชัยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

ทั้งนี้ ก่อนประชุมพรรค นพ.ชลน่าน ได้ปาฐกถาประกาศชูธงปักชัยแลนด์สไลด์ สู่เพื่อไทย ทั้งแผ่นดิน โดยกล่าวว่า ประเทศไทย ณ วันนี้ถือเป็นจุดต่ำสุด อยู่ในภาวะวิกฤต ไร้ทิศทาง ประชาชนไร้อนาคต มืดมน หมดหวัง มีแต่ความทุกข์ยาก ความยากจน เป็นหนี้ ทุกข์ เศร้า ทั้งหมดคือภาพสะท้อนของประเทศไทย ดังนั้น ต้องมีจุดเปลี่ยนจากวิกฤตเหล่านี้ ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลง ณ จุดนี้ได้

เราเคยประกาศยุทธศาสตร์และเป้าหมายของการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย คือแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ต้องได้ ส.ส. มากกว่า 250 ที่นั่งขึ้นไป แต่ ณ เวลานี้ สิ่งที่เรามุ่งหวังตรงนั้นและสิ่งที่เราวางแนวทางเอาไว้ว่าจะต้องชนะ ส.ว. 250 ที่นั่ง แต่ถึงเวลานี้ เราไม่กังวลต่อหน้าที่และอำนาจของ ส.ว.อีกต่อไป เพราะเรามีความมั่นใจมากกว่าเราผ่านจุด 250 ขึ้นมาแล้ว นี่คือหมุดหมายแรก

หมุดหมายที่สอง พรรคเพื่อไทยต้องได้อำนาจจากพี่น้องประชาชน ได้ ส.ส. 310 เสียงขึ้นไป เพื่อกำจัดระบอบประยุทธ์ให้สิ้นซาก ซึ่งระบอบประยุทธ์ อันเป็นระบอบที่อันตรายมาก ทำลายโอกาสของประชาชน ดังนั้น 310 เสียงเป็นหมุดหมายสำคัญที่เราต้องร่วมสู้กันต่อไป เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย

“วันนี้จึงไม่มีคำว่ารักพี่เสียดายน้อง ไม่มีแบ่งคะแนน มีแต่คำว่าต้องกาเพื่อไทยสองใบ เพื่อแลนด์สไลด์เท่านั้น ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค เพื่อไทยเหนือ เพื่อไทยอีสาน เพื่อไทยกลาง เพื่อไทย กทม. ผลสำรวจในวันนี้สีแดงเต็มพื้นที่ และเพื่อไทยใต้ มั่นใจว่าจะมีสีแดงในเพื่อไทยใต้แน่นอน”

นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมกู้วิกฤตให้ประเทศ ฟื้นคืนประเทศจากซากปรักหักพังด้วยนโยบายที่คิดใหญ่ ด้วยบุคลากรที่ทำเป็น เพื่อคนไทยทุกคน

สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย เป็นที่ยอมรับกันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีจุดแข็งที่สุดในการดำเนินการตามนโยบาย จนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศบอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้

และในการเลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายจะเป็นเรื่องสำคัญ นโยบายที่สำเร็จในอดีตจะถูกนำมาต่อยอดด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลนีเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการลดรายจ่าย สร้างรายได้ และคนไทยต้องได้รับโอกาส เราจะขยายโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้รับสิทธิดูแลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่เน้นนโยบายเป็นแกนกลาง

ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือน ป.ตรี 25,000 บาท

โดยนโยบายที่ประกาศไปแล้ว เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายใน 4 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการขยับฐานเงินเดือนขึ้น นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ สร้างรายได้ 200,000 บาทต่อครอบครัวต่อปี สร้างแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่ง มีรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท

พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่าภายใน 4 ปี การเรียนรู้แบบ Life long learning เรียนรู้เพื่อมีรายได้ตลอดชีวิต การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี ทั้งหมดคือแนวคิดของพรรคเพื่อไทยที่คำนึงถึงการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้พี่น้องประชาชนยืนได้ด้วยขาของตัวเอง

ในส่วนของบุคลากรพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคที่มีองค์ประกอบอย่างกลมกล่อม ทั้งบุคลากรที่มีประสบการณ์ คนรุ่นใหม่ที่มีพลัง มีศักยภาพเต็มเปี่ยม เราทำงานจับมือกัน พร้อมเข้าหาประชาชน นำนโยบายเข้าสู่ประชาชน

“ขอขอบคุณกำลังใจจากทุกภาคส่วน มาร่วมต่อสู้สู่เส้นชัยของพี่น้องประชาชน อีก 2 เดือนเท่านั้น เราจะเดินเข้าสู่ทำเนียบในนามรัฐบาลเพื่อไทย ถึงเวลาแล้วที่เราจะขอโอกาสจากพี่น้องประชาชน ร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย ผนึกกำลังกันเปลี่ยนแปลงประเทศ ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ ต้องเพื่อไทยเท่านั้น ต้องชนะขาด ไม่มีคะแนนทิ้งน้ำ ไม่มีแบ่งใจ ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ” นายแพทย์ชลน่านกล่าว

ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการปาฐกถา นายแพทย์ชลน่าน ได้เชิญชวนกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกยืนขึ้น พร้อมส่งเสียง “ชูธง ปักชัย แลนด์สไลด์ เพื่อไทยทุกคน”

อิ๊ง อุบไต๋ ร่วมรัฐบาล พปชร.

จากนั้น น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วยนายเศรษฐา และ นพ.ชลน่าน ร่วมกันให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวถึงการตั้งเป้า ส.ส. 310 เสียงว่า เป็นการตั้งเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่เราต้องมุ่งมั่นไปถึงตรงนั้นให้ได้ เพราะ 310 เสียง จะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง กำจัดระบอบประยุทธ์ออกไป ต้องทำให้ถึงเป้าหมายให้ได้

น.ส.แพทองธารกล่าวเสริมว่า อยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง ไม่ได้ถูกล้มโดย ส.ว. หรือแต่งตั้งนายกฯ โดย ส.ว. เราอยากเป็นรัฐบาลที่สามารถจัดตั้งนายกฯ จากประชาชน

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ก้าวข้ามความขัดแย้ง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จริง ๆ เราไม่ได้มองหาความขัดแย้งอยู่แล้ว ส่วนการจับมือกันหรืออะไรก็ตาม ยังบอกเสมอว่ายังเร็วเกินไปมากที่จะบอกในวันนี้ว่าร่วมรัฐบาลกับใคร แต่เรามองหาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เรื่องประชาธิปไตย ปากท้อง ของการเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง

“จริง ๆ เราต้องช่วยกัน การแลนด์สไลด์ ตั้งเป้า 310 เสียง เป็นเรื่องใหญ่มาก ดังนั้น ต้องมีทั้งคุณเศรษฐา มีหัวหน้าพรรค มีอิ๊ง มีทั้งทีมพรรคเพื่อไทย ต้องช่วยกันทุกจุดจริง ๆ เราไม่สามารถทำได้โดยหนึ่งคน เพราะเป็นการใหญ่มาก ๆ เราเดินหน้าเต็มที่” น.ส.แพทองธารกล่าว

เศรษฐา ลุยเต็มที่

ด้านนายเศรษฐากล่าวถึงการขอพักงานที่ บมจ.แสนสิริ เพื่อมาลงงานการเมืองว่า เป็นการแฟร์กับผู้ถือหุ้นด้วย ว่าการที่ตนลงมาสู่ถนนการเมือง เราอยากทุ่มเทให้เต็มที่กับช่วงก่อนเลือกตั้งครั้งนี้ จึงขออนุญาตกับคณะกรรมการบริษัทว่าขออนุญาตในช่วงนี้เฉพาะช่วงเลือกตั้ง ตนลุยเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของการนำเสนอนโยบาย ทีมงาน หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคทำมาก็ดีอยู่แล้ว ส่วนตนเป็นแค่เพียงจุดเสริมเท่านั้น

และทุกคนก็เป็นพี่เลี้ยงของตน ไม่เฉพาะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคประกาศ 310 เสียง ตนรู้สึกฮึกเหิม พูดได้ครึ่งหนึ่งของหัวหน้าพรรค ส่วนการขึ้นเวทีปราศรัยนั้น คงได้ขึ้น เริ่มต้นที่ จ.พิจิตร ตามด้วย จ.พิษณุโลก

ยังไม่ประกาศแคนดิเดตนายกฯ


นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงการประกาศแคนดิเดตนายกฯว่า การประชุมวันนี้เป็นการประชุมสามัญประจำปีตามกรอบกฎหมาย ซึ่งปกติจะประชุมในเดือนเมษายน แต่ขณะนี้ใกล้เลือกตั้งจึงขยับมา ทั้งนี้ วาระการประชุมยังไม่มีการประกาศแคนดิเดตนายกฯ เพราะยังมีข้อกฎหมาย ข้อบังคับพรรคเพื่อไทยกำกับไว้ ยุบสภาเราจะประกาศแน่นอน รอฟังเสียงตอบรับจากประชาชนด้วย