เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ดวล ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หมอมิ้ง ทำเป็น ลดน้ำที่ราก – อนุทิน ทำทันที ระบบสาธารณสุขสมฐานุรูป
วันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่โรงแรมพูลแมน รางน้ำ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ เปิดเวทีแรกมติชน : เลือกตั้ง 66 บทใหม่ประเทศไทย #ประชันนโยบาย ภายใต้หัวข้อ “ย้ำจุดยืน ชูจุดแข็ง ประกาศจุดขาย” โดยคีย์แมนจาก 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม ได้แก่
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ
และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า โดยในช่วงที่สอง พรรคภูมิใจไทยจับคู่ดีเบตกับพรรคเพื่อไทย จุดขายด้านเศรษฐกิจ เรื่อง การลดความเหลื่อมล้ำ
นายอนุทินกล่าวถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำว่า อย่างแรกคนต้องมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลจากรัฐให้มากที่สุด ฐานานุรูปไหน ดูแลจากรัฐอย่างไร ไม่มีทางล้ม แต่ต้องต่อยอดอะไรที่ดีอยู่แล้วพรรคภูมิใจไทยไม่เคยคิดแก้ไข หรือไปทำอะไรให้คนลืมคนที่สร้างมันขึ้นมา แต่เราต่อยอดการบริการให้ดียิ่งขึ้น
ตอนนี้คนไทยทุกคนรักษาทุกที่ มะเร็ง ฉายรังสี ทุกจังหวัด เรื่องการล้างไต ฟอกไต ครบ ทุกโรงพยาบาลที่มีอยู่ การเข้าถึงระบบสุขภาพของคนไทยทุกคน มีอย่างเท่าเทียมกัน
“บางพรรคไม่ตรง เราคิดว่าเยาวชนไทย ลูกหลานไทย เขาไฝ่ดี บางคนไม่มีความสามารถจ่ายค่าเรียน รัฐให้ยืม ไม่ต้องมีดอกเบี้ย ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน แล้วอย่าไปฟ้องเขา เขาใฝ่ดี เราต้องให้เขามีชีวิตที่ดี และเขาก็จะมาดูแลประเทศ ดูแลพวกเราในยามแก่เฒ่า เรื่องการใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุก ๆ ฝ่าย จะเป็นที่ตรวจสอบได้ และพวกเราทุกคนก็ยอมรับกฎหมาย หรือคำพิพากษา กฎกติกาต่าง ๆ ก็จะทำให้พวกเรา อยู่ในสังคมไม่มีการเหลื่อมล้ำหรือมีก็น้อยที่สุดแต่ยังอยู่ได้” นายอนุทินกล่าว
ขณะที่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยชัดเจนว่า หน้าที่ของเราคือสร้างรายได้ ภายใต้ภาวะ 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจถดถอย ล้าหลัง การแก้ทุกมติเราต้องลดน้ำที่ราก จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนไป เมื่อคนที่ยากจนที่สุด ลำบากที่สุดใช้เงิน คนขายของก็มีโอกาสขายของมากขึ้น โรงงานผลิตของเพิ่มขึ้น จ้างงานได้เพิ่มขึ้น กลับมาที่รัฐบาลได้ภาษีเพิ่มขึ้น และภาษีนี้จะกลับมาดูแลเรื่องสวัสดิการให้เพิ่มขึ้น
นพ.พรหมมินทร์กล่าวว่า ทุกคนพูดถึงการใช้เงินเพื่อสวัสดิการ แต่ที่มาของเงินต้องมาจากรายได้ เรื่องความเหลื่อมล้ำ การศึกษาของ IMF ชัดเจนว่า การที่ทำให้เศรษฐกิจของชนชั้นบนเพิ่มขึ้น 1% ภาพรวมเศรษฐกิจของ GDP ถอยลงไป 0.8 ตรงกันข้ามถ้ารองรับในส่วนล่าง 20% ทำให้ GDP เพิ่มขึ้น .486 ทั้งหมดต่างกัน 7 เท่า
ดังนั้น หน้าที่ของเราแก้ปัญหาที่รากฐาน ไม่ใช่แก้เพื่อคนรายได้น้อย แต่เป็นการยกระดับขึ้นมาทั้งหมด ทั้งเศรษฐกิจและไปถึงทั้งประเทศ
“มาตรการเหล่านี้พรรคเพื่อไทยคิดไว้ครบทุกมิติ เริ่มต้นอาจแก้ในระยะสั้น ดึงการท่องเที่ยวกลับเข้ามา เป็นการเปิดประตูรับเงินจากต่างประเทศแล้วกระจายไปทั่วถึง ภาคเกษตรได้คิดเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรที่มีอยู่ 40% เพิ่มรายได้ 3 เท่าใน 4 ปี เรื่อง SMEs เราเข้าใจดี”
“สิ่งที่สำคัญปัจจัยคือเรื่องการตลาด การเงิน การเพิ่มผลิตผลเราดูแลแน่นอน สิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้ 25% ของความเหลื่อมล้ำ เกิดขึ้นจากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เรียนรู้เพื่อรายได้ เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีใหม่มาใช้จัดการ เชื่อว่าเราแก้ปัญหาของประเทศได้” นพ.พรหมมินทร์กล่าว