ประวิตร ตีปี๊บ อีสานประชารัฐ ฟื้นเศรษฐกิจ-ดึงดูดการลงทุน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ประวิตร ยกทัพปราศรัยอีสาน ตีปี๊บ อีสานประชารัฐ ฟื้นเศรษฐกิจ-ดึงดูดนักลงทุน ลั่นอีสานต้องเจริญ ย้ำไม่ยุบกองทุนหมู่บ้าน แจกเงินหมู่บ้านละ 2 แสนบาท

วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่หอประชุมสาเกตฮอลล์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยแกนนำพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค

พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ และผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 8 เขต ประกอบด้วย นายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล เขต 1 เบอร์ 2 นายเอกรัฐ พลซื่อ เขต 2 เบอร์ 8 นางรัชนี พลซื่อ เขต 3 เบอร์ 2

นางกัญจน์พร วงศ์เวไนย เขต 4 เบอร์ 10 นายภาณุวัฒน์ ศิริ เขต 5 เบอร์ 6 นายเฉลิมศักดิ์ แสนปาง เขต 6 เบอร์ 2 นายศราวุธ ศรีนนท์ เขต 7 เบอร์ 5 นายใหม่ เสาวงค์ เขต 8 เบอร์ 8 โดยบรรยากาศมีประชาชนมารอรับฟังนโยบายแน่นหอประชุม ทั้งภายในและนอกหอประประชุมรวมกว่า 15,000 คน พร้อมชูป้ายและส่งเสียงเชียร์เลือกเบอร์ 37 ดังตลอดการปราศรัย

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวร้อยเอ็ดทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 8 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งและความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 8 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

พล.อ.ประวิตรกล่าว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน และแถมวงเงินประกันชีวิตอีก 2 แสนบาท ส่วนกองทุนหมู่บ้านที่มีคนบอกว่าจะยุบทิ้ง ผมจะไม่ยุบ และจะเพิ่มให้อีกกองทุนละ 2 แสนบาท

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรายังจะลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันที่พลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญคือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายเพิ่มเงินในบัญชีของประชาชน อย่างสวัสดิการผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไปจะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท รวมไปถึงนโยบาย ‘แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ’ แจกเงินคนท้องเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลลูกอีกเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญก็คือ มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน ที่เราได้บริหารจัดการมากกว่าสามปี และเราจะทำต่อไป เช่นเดียวที่ดินทำกิน ถ้ามีเราก็มีที่ดินทำกิน ไม่มีจน เราจะทำให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมีที่อยู่ที่อาศัย ที่ประกอบสัมมาวิชาชีพ ทั้งนี้ เราจะสนับสนุนเงินให้เกษตรกรทั่วประเทศจำนวน 30,000 บาท ทั้ง 8 ล้านครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาความยากจนด้วย

“พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยยกระดับการขนส่งคมนาคม พัฒนาภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ไประบบการศึกษาที่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ด้วยนโยบายอีสานประชารัฐ และในวันที่ 1 พ.ค. ถือเป็นวันแรงงาน พรรค พปชร.มีเป้าหมายในการยกระดับภาคอีสานให้เป็นแหล่งงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจ เกิดแรงงานใหม่ให้กับคนในพื้นที่ ลูกหลานคนอีสานจะได้ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ที่อื่นหรือกรุงเทพฯ เพื่อประกอบอาชีพ” พล.อ.ประวิตกล่าว และว่า

“เพราะเราจะผลักดันนโยบายอีสานประชารัฐ สู่การพัฒนา สร้างเมืองอีสานให้มีเศรษฐกิจที่สมบูรณ์ และจะเชื่อมโยงระบบขนส่งคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งการโดยสารและขนส่งสิงค้า เชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ต่อไปนี้ชาวอีสานจะไม่น้อยหน้าใคร เราจะดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนที่นี่ ดังนั้น แรงงานอีสานต้องรวย มีชีวิตที่ดี มีความมั่นคง ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ” พล.อ.ประวิตรกล่าว

นางนฤมลกล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐเรามีสาขาภาค 4 ภาค โดยที่ภาคอีสานตั้งอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่ปี’61 เป็นต้นมา นโยบายบัตรพลังประชารัฐตอนนี้ให้อยู่ใบละ 300 ถ้า พล.อ.ประวิตรได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีจะได้เพิ่มเป็นใบละ 700 บาท พร้อมให้ประกันชีวิตเพิ่มอีก 200,000 บาท ถ้าอยากจะได้ทุกอย่าง วันที่ 14 พ.ค.การเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ บัตรสีม่วงขอให้เลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐทั้ง 8 เขต ส่วนบัตรสีเขียวก็ให้กาเบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐมาบอกข่าวดีกับพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ดที่เป็นหนี้ทั้งหลาย โดยเราต้องการส่งเสริมข้าวหอมมะลิของพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด แต่จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่น่าสงสาร เพราะว่าอยู่นอกเขตชลประทานเยอะมาก ต้องอาศัยเทวดาและกรมฝนหลวง ตอนที่ตนดูแลกรมฝนหลวง ในหน้าดำนาต้องมาทำฝนเทียมให้กับชาวนา และพบว่าปัญหาชาวนามีปัญหา 2 เรื่องคือ เรื่องสิทธิที่ทำกิน และปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งพรรค พปชร.จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งนโยบายของ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ผมผลักดันเปลี่ยนที่ ส.ป.ก.ให้เป็นโฉนดทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล เราจะทำเรื่องนี้ทันที

“พอเราแก้ปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ แก้ปัญหาเรื่องน้ำ เราจะมาแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครอบครัว มีเกษตรกร 8 ล้านครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พรรคพลังประชารัฐหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราจะเติมเงินให้ครอบครัวละ 30,000 บาท ส่วนเรื่องการดูแลกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8

โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไปจะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท นอกจากนี้ ยังจะดูแลเรื่องราคาปุ๋ย ให้ลดลงอีก 50% นี่คือนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่สามารถจับต้องได้ ไม่ต้องรอ” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว