ประวิตร ตัวแปรจัดตั้งรัฐบาล พลังประชารัฐไม่สุดซอย-ไม่ล่อฟ้า-ไม่มีปฏิวัติ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ประวิตร ปราศรัยใหญ่ นครศรีธรรมราช เลือกพลังประชารัฐ ไม่มีจน สนธิรัตน์ อวยบิ๊กป้อมมากบารมี-มากประสบการณ์ ตัวแปรจัดตั้งรัฐบาล คณิศ ชู แลนด์บริดจ์ชายแดน พลิกโฉมเศรษฐกิจภาคใต้ ใส่เงินมากกว่าอีอีซี 2 เท่า ลั่น พลังประชารัฐไม่สุดซอย ไม่เป็นสายล่อฟ้า ไม่มีปฏิวัติ

วันที่ 29 เมษายน 2566 ที่บริเวณสนามหน้าเมือง ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดปราศรัยใหญ่ภาคใต้ (ตอนล่าง) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายคณิศ แสงสุพรรณ ทีมเศรษฐกิจ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยกว่า 18,000 ที่นั่ง

บารมีประวิตรตัวแปรจัดตั้งรัฐบาล

พล.อ.ประวิตรปราศรัยว่า ตนมาในวันนี้ เพื่อยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมรับใช้ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชทุกคน เพื่อให้จังหวัดนครศรีธรรมราชมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป อยากให้นครฯเจริญต้องเลือกพลังประชารัฐ พลังประชารัฐเลือกคนดีคนเก่งทั้ง 10 เขต มาทำงาน เลือกพรรคพลังประชารัฐต้องเลือกเบอร์ 37 ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียว ประเทศชาติสงบ ก้าวข้ามความขัดแย้งและก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน เราจะไม่มีจน พลังประชารัฐจะทำให้ประชาขนอยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประสานความร่วมมือกันทุกฝ่าย

นายสนธิรัตน์ปราศรัยว่า การเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี’62 ตนได้มาปราศรัยที่นครศรีธรรมราชได้ 3 เขต ครั้งนี้ขอ 10 เขต นครศรีธรรมราช ถือเป็นเมืองหลวงของพรรคพลังประชารัฐ คะแนนของพี่น้องจะไม่ตกน้ำ เลือกตั้งครั้งนี้ พี่น้องต้องตัดสินใจ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด การเลือกตั้งครั้งนี้จะเลือกพรรคนั้นก็เสียดายพรรคนี้ก็เสียดาย พี่น้องคนใต้คือคนชี้ชะตาการเมือง วันนี้เป็นอีกครั้งที่พี่น้องชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชจะเป็นจังหวัดหนึ่งที่จะชี้ชะตารัฐบาลข้างหน้า

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า พรรคหนึ่งบอกว่าจะแลนด์สไลด์ พรรคหนึ่งบอกว่าจะล้มรัฐบาลในปัจจุบัน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเปลี่ยนแปลงประเทศ วันนี้ บ้านเมืองหลังเลือกตั้งจะเป็นเวลาที่ยุ่งยากใจที่สุด เพราะจะเป็นการต่อสู้ที่เข้มแข็งอีกครั้ง มีพรรคการเมืองเพรรคเดียวที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจของพี่น้องชาวใต้ เพราะการต่อสู้จะเกิดความขัดแย้งที่ทำให้พูดคุยกันไม่ได้ มีอยู่พรรคเดียว คือ พรรคพลังประชารัฐ หลังเลือกตั้งจัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะเสียงจะก่ำกึ่งมาก ที่ผ่านมารักพรรคเก่าแก่ แต่พรรคนั้นวันนี้โอกาสตั้งรัฐบาลน้อยมาก พรรคที่สอง พรรคที่ขณะนี้พยายามกวาดพื้นที่ภาคใต้ ชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย วันนี้เป็นรัฐบาลยากมาก ๆ พรรคที่สาม พรรคที่แยกออกไปจากพรรคพลังประชารัฐ ชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ยากที่สุดที่จะเป็นรัฐบาล

“ใน 4 พรรคที่พี่น้องคนใต้ต้องตัดสินใจมีอยู่พรรคเดียวที่จะเป็นพรรคที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นพรรคตัวแปรรวมทุกพรรคได้ คือ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ถ้าตัดสินใจผิด เลือกพรรคผิด เลือก ส.ส.ที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล จะไม่มีใครดูแลพี่น้อง ต้องเลือก เพราะฉะนั้นต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 10 เขตนะครับพี่น้อง” นายสนธิรัตน์กล่าวและว่า

“พรรคตัวแปรจะชื่อพรรคพลังประชารัฐจริงหรือไม่ ให้ดูว่าที่นายกรัฐมนตรี ชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นคนเดียวที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนเดียวที่มีบารมีการเมืองมากที่สุด เป็นคนเดียวที่เชื่อมโยงคนทุกฝ่ายได้มากที่สุด เป็นคนเดียวที่มีประสบการณ์ทางการเมืองยาวที่สุด จะให้เด็กหนุ่มเด็กสาวเป็นนายกฯเอาหรือไม่พี่น้อง เลือก พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ ครับพี่น้อง” นายสนธิรัตน์กล่าว

สำหรับผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 9 เขต ประกอบด้วย นายรงค์ บุญสวยขวัญ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 1 นางสุภาพ ขุนศรี เขต 2 เบอร์ 6 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง เขต 3 เบอร์ 5 นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เขต 4 เบอร์ 6 นายสุชาติ จิตติศักดิ์ เขต 5 เบอร์ 2

นายสุธรรม จริตงาม เขต 6 เบอร์ 5 นายคมเดช มัชฌิมวงศ์ เขต 7 เบอร์ 3 นายสุนทร รักษ์รงค์ เขต 8 เบอร์ 1 นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ เขต 9 เบอร์ 1 นายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล เขต 10 เบอร์ 6

พลิกโฉมเศรษฐกิจภาคใต้

นายคณิศปราศรัยว่า พี่ป้อมตั้งคำถามว่า ทำภาคตะวันออกรวยแล้วมาทำภาคใต้ให้รวยได้อย่างไร ผมมาเพื่อทำให้ภาคใต้เป็นภาคที่มีความมั่นคง กลายเป็นรากแก้วของเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต เราได้ละเลยภาคใต้มานาน กระบี่ขนอมทิ้งมา 30 ปี พี่ป้อมบอกว่าทำทันที ถ้าทำได้จะเป็นทางเชื่อมอันดามันและอ่าวไทย ทำเป็นแลนด์บริดจ์ ตนเอาเงินไปลงภาคตะวันออก เชื่อหรือไม่ ตนเอาเงินไปลง 2 ล้านล้านบาท ผมเชื่อว่า 14 จังหวัดภาคใต้จะเอาเงินมาลงทุนมากกว่านั้น 2 เท่า

นายคณิศประเทศไทยวันนี้ ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาเป็นผลแบบโพล เราก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ได้ เราอาจจะมีวันเก่า ๆ ที่มีเสื้อเหลือ มีเสื้อแดง ไม่พอมีเสื้อฟ้า หลังจากนั้นพอไม่มีอะไร เราก็เอาเสื้อธงชาติมาใส่ หลังจากนั้นไม่มีอะไร เราก็มีเสื้อหลากสี เพราะคนที่ไม่ได้ใส่เสื้อหลากสีคนละพรรค อันนี้เป็นอันตราย ตอนนี้สถานการณ์กำลังกลับไปที่เก่า ต้องระวังให้ดี เราอาจจะมีมหกรรมใส่เสื้อหลายสีอีกครั้ง

“แต่พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น และพี่ป้อมเท่านั้นที่พูดชัดเจนว่าเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เราจะไม่กลับไปเป็นแบบเก่าอีก พรรคของเราไม่เดินสุดซอย พรรคของเราไม่ใช่พรรคที่เป็นสายล่อฟ้า พรรคของเราพูดมาตลอดเวลา โดยพี่ป้อมของเราว่า พรรคของเราไม่มีทางปฏิวัติ เลือกพี่ป้อมเป็นนายกฯนะครับ” นายคณิศกล่าว

นายคณิศกล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับรัฐบาลมาเลเซียจะเอา สงขลา สตูล นราธิวาส ยะลา ปัตตานี รวมเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภาคใต้ จะทำให้เหมือนระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) มาเลเซียก็จะจัดเขตเศรษฐกิจพิเศษทางเหนือของมาเลเซียเช่นเดียวกัน เราจะทำงานร่วมกัน เราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราสามารถเอารายได้มาลงได้จริง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะพลิกโฉมอีกครั้ง

“แล้วนครศรีธรรมราชอยู่ตรงไหน ตั้งแต่โบราณกาล ที่นี่เป็นเมืองหลวงของภาคใต้ เราจะยกระดับเมืองขึ้นมา เราจะจัดการดูแลแลนด์บริดจ์ กลุ่มจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับนครศรีธรรมราชให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ให้กลับมาเป็นเมืองหลวงของภาคใต้อีกครั้ง เอาความมั่งคั่งกลับมาที่ภาคใต้ ทำให้ภาคใต้กลับมาเป็นรากแก้วทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ผมขอเลือกพี่ป้อมของผมเป็นนายกฯ” คณิศกล่าว