เศรษฐา ทวีสิน ยกวาระพักหนี้เกษตรกรเป็นเรื่องด่วนใน ครม.นัดแรก

เศรษฐา ทวีสิน เกษตรกร

เศรษฐา ทวีสิน ยันวาระพักหนี้เกษตรกรเป็นเรื่องเร่งด่วน คู่ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ถกเกษตร-พาณิชย์ เปิดตลาดใหม่ พุ่งเป้าจีน-ตะวันออกกลาง ไม่มีประกัน-จำนำราคาสินค้าเกษตรในนโยบายรัฐบาล

วันที่ 8 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่นว่า ปีนี้น้ำน้อย อีกเพียง 1 เดือนก็จบฤดูฝน อาจทำให้มีปริมาณน้ำสุทธิเมื่อจบฤดูฝนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบกับ 4 ส่วนคือ 1.การบริโภค 2.การใช้รักษาระบบ 3.การใช้ในระบบอุตสาหกรรม และ 4.การใช้สำหรับการเกษตร

ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด ทำให้น่าเป็นห่วง จึงต้องมีการจัดการระยะสั้น ทั้งเรื่องการใช้งบประมาณที่มีอยู่จากท้องถิ่นหรือกระทรวงมหาดไทยมาจัดการ ในการทำฝายซอยซีเมนต์ การขุดลอกแหล่งน้ำ ซึ่งทางกองทัพก็ร้องขอให้ทหารเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทางด้านเครื่องมือและแรงงานบรรเทาภัยแล้งในส่วนนี้

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์แล้ว น่าจะบรรเทาปัญหาได้ภายใน 3 วัน และพื้นที่เพาะปลูกก็ไม่น่าจะเสียหาย แต่ก็ยังมีฝนตกอยู่

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำเพื่อใช้หลังจากจบฤดูฝนเอาไว้ใช้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เชื่อมโยงไปถึงแผนระยะยาว โครงการโขง ชี มูล เลย ที่จะต่อเข้ามาที่เขื่อนอุบลรัตน์ ถือเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งได้ฝากให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาระยะยาวได้ดีที่สุด

“เรื่องไม่ท่วม ไม่แล้งเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ที่หลายรัฐบาล รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญอย่างมาก หากทำสำเร็จ ทุก ๆ บาทที่ลงทุนไป ทั้งในเรื่องของเขื่อน ฝายและการขุดลอก ทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนไปจะมาสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลตระหนักดี” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดในการเปิดตลาดการค้าใหม่ เพื่อช่วยยกระดับรายได้เกษตรกร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ตรงกับนโยบายรัฐบาลและเป็นเรื่องที่ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้าที่เราวางแผนไว้ รวมไปถึง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการค้าโลก

ดังนั้นจึงต้องมีการเปิดตลาดใหม่อย่างแน่นอน โดยจะมีการขอโควตาการส่งสินค้าเพิ่มจากทางจีนและตะวันออกกลางเพิ่มแน่นอน ส่วนการลดรายจ่ายทั้งเรื่องของปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี เพิ่มความรู้ให้พี่น้องเกษตรกรในการเพิ่มผลผลิต เป็นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ควบคู่ไปกับการพักหนี้เกษตรกร

“ในระยะ 9 ปีมานี้ มีการพักหนี้ไปแล้ว 13 ครั้ง แต่ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งปัญหาใหญ่ หลังได้พูดคุยกับผู้ว่าการการธนาคารแห่งประเทศไทย คือเมื่อมีการพักหนี้ไป แล้วรายได้ไม่ได้สูงขึ้น หากพักหนี้แล้วรายได้สูงขึ้นก็เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ที่เราควรต้องทำกัน ดังนั้นครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรก เราจะเพิ่มรายได้สุทธิให้สูงขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า หน้าที่รัฐบาลคือต้องพยายามทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ที่ดี สามารถกินอยู่ ลงทุนเพาะปลูกและแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ แต่ปัจจุบันปัญหาหนี้สินเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งหลังจากประชุม ครม.นัดแรก เรื่องพักหนี้เกษตรกรจะเป็นเรื่องด่วน รวมทั้งการลดรายจ่าย ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน

ทั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 11 พรรค อยากเห็นจีดีพี (การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ) มีการเติบโตที่มากกว่าในปัจจุบัน ในช่วง 4 ปีที่เป็นรัฐบาลเราอยากเห็นค่าเฉลี่ยของจีดีพีที่เติบโตปีละ 5% นี่คือเป้าหมาย

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวโน้มในการดำเนินโครงการประกันราคาสินค้าเกษตร นายกรัฐมนตรีตอบว่าได้บอกแล้วว่า ทั้งการประกัน จำนำและจ้างผลิต ไม่ได้อยู่ในนโยบายของรัฐบาลนี้ เพราะการบิดเบือนราคาตลาดโลก อาจไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องวินัยการเงินการคลัง แต่เราเน้นที่การเพิ่มรายได้สุทธิของพี่น้องประชาชน

หากรายได้น้อยแต่ผลผลิตสูง รายจ่ายต่ำ เงินเข้ากระเป๋าสุทธิของพี่น้องประชาชนก็จะสูงขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องไปจำนำหรือประกัน ที่บิดเบือนราคาตลาดโลก โดยเรามุ่งไปที่การเพิ่มรายได้สุทธิของพี่น้องเกษตรกรทั้งหมดทุกประเภท