มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ไม่ถือตั๋วใคร แต่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่เพื่อไทย

มนพร เจริญศรี
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนผ่านหัวหน้าพรรค มาสู่ยุค “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ปรับ-รื้อ พรรคให้ทันสมัย

อีกด้าน เศรษฐารับแรงกดดันมากมาย แบกรับความกดดันที่รับจากพรรคเพื่อไทยไปปฏิบัติให้สำเร็จ และยังต้องรับฟังเสียงของ สส.พรรค

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคม เธอเป็น ครม.หนึ่งเดียวที่ทำงานร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติ ประสานกับคนในพรรค-นอกพรรค รับทั้ง “งานลับ-งานแจ้ง”

แนะนำให้ นายกฯ รู้จัก สส.เพื่อไทย เวลาลงพื้นที่ โดยเฉพาะ 84 สส.อีสาน ที่เธอเป็น “หัวหอก” มากกว่า 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทยทั้งพรรค

เธอเล่าให้ฟังถึงการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทย ยุค “แพทองธาร” และเดิมพันของพรรคเพื่อไทย ที่ขับเคลื่อนในยุครัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน

อุ๊งอิ๊ง เพื่อไทยยุคเปลี่ยนผ่าน

“มนพร” มองการเปลี่ยนแปลงในพรรคเพื่อไทยมาสู่ยุค “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร สายตรงระดับ “ดีเอ็นเอ” ชินวัตร ว่า

เราต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยมีรากเหง้าตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย รากของพรรคเพื่อไทยเหมือนต้นไม้ใหญ่ ที่รากแก้วคือท่านทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย้อนหลังกลับไป 10 กว่าปี ใครหลายคนอาจไม่คิดว่าวันหนึ่งของความเป็นไทยรักไทย จะส่งต่อมาให้ลูกเขา

“ถ้าจำกันได้วันที่ท่านทักษิณถูกกระทำ คุณอิ๊งก็บอกว่าไม่อยากให้พ่อเขาเข้าสู่การเมือง และปฏิญาณตนว่าจะไม่เข้าสู่การเมือง เพราะจากที่คุณพ่อเขาถูกกระทำ”

“แต่เวลาผ่านไป ก็มีคำนิยามว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เมื่อคุณอิ๊งเติบโตในครอบครัวการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาว ดีเอ็นเอของคุณพ่อถูกส่งต่อมาที่ตัวคุณอิ๊ง เป็นจิตวิญญาณจากรุ่นพ่อที่ส่งต่อมาสู่รุ่นลูก อาจเป็นแรงบันดาลใจว่า วันหนึ่งที่คุณพ่อเคยทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกว่ามีความเป็นอยู่ดีขึ้น ต้องการสร้างประเทศ”

“การเมืองยุคนี้เป็นการเมืองเปลี่ยนผ่านของคนหนุ่มสาว ถามว่าในภาพของคุณอิ๊งเข้ามา เป็นภาพของความเหมาะเจาะของเวลาที่การเมืองเป็นของวัยหนุ่มสาวได้ออกมายืนแถวหน้า ร่วมกันสร้างประเทศกับคนที่สั่งสมประสบการณ์มานาน รุ่นเก๋า และคนรุ่นกลางในพรรคเพื่อไทย ก็เป็นตัวผสมผสาน”

“แต่ถามว่าพรรคหนึ่ง ไม่ใช่พ่อสร้างพรรคมา แล้วมรดกจะต้องเป็นของลูก ถ้าลูกไม่มีจิตวิญญาณ แม้คนนั้นเป็นทายาทของเจ้าของพรรค แต่พรรคก็เป็นแค่หัวโขนของคนคนหนึ่งที่มีตำแหน่งสวม แต่ถ้าคนคนนั้นไม่รักที่จะออกมายืนอยู่ในท่ามกลางกระแสเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ก็ไม่เกิดขึ้น”

“อย่างคุณอิ๊งทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นก้าวแรกในฐานะมีตำแหน่งทางการเมือง เขาทำได้ดีมาก ทั้งการวางตัว มุมทางการเมือง การทุ่มเทให้พรรค ไม่ใช่แง่การออกสื่อและไปขึ้นเวทีปราศรัยอย่างเดียว แต่เขาให้ทั้งการสร้างคนรุ่นใหม่ในพรรค สร้างองค์กรในพรรค”

โรดแมป อุ๊งอิ๊ง สู่ชัยชนะ

แล้วโรดแมปที่จะนำพาพรรคเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในยุคของ “แพทองธาร” คืออะไร “มนพร” ฉายภาพว่า ความเป็นพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในใจประชาชน นโยบายทุกนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้จะทำได้จริง จากนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 2.5 หมื่น ดิจิทัลวอลเลต ปราบปรามยาเสพติด ภายใต้การนำของนายกฯ เศรษฐา ที่มีคุณอิ๊งเป็นหัวหน้าพรรค จะเอานโยบายที่หาเสียงไว้มาทำให้เป็นจริงใน 4 ปี

“วันนี้คุณอิ๊ง ในฐานะหัวหน้าพรรคก็ต้องดำเนินการในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยไปสู่มือของรัฐบาล ให้เอานโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นจริงให้ได้”

แม้ช่วงเวลาหนึ่งอาจเกิดความเปรียบเทียบระหว่าง “เศรษฐา” อยู่ทำเนียบ ส่วน “แพทองธาร” หัวหน้าพรรคที่ถือว่าเป็นอนาคต “มนพร” แย้งว่า วันนี้เลยเวลาของการเปรียบเทียบไปแล้ว เพราะนายกฯตัวจริงคือเศรษฐา และหลายคนมองว่าเศรษฐา ทวีสิน คือนอมินี…ไม่ใช่

วันนี้นายกฯเศรษฐา action ในฐานะนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ส่วนคุณอิ๊ง เขา action ในฐานะหัวหน้าพรรค อย่างการประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ก็พูดในที่ประชุมพรรค เร่งรัดให้ สส.ลงพื้นที่ เร่งรัดรัฐบาลนำนโยบายที่หาเสียงไว้ไปปฏิบัติ

เศรษฐา มืออาชีพ ไม่เปลี่ยนตัว

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังทำงานมา 60 วันยังมีบางส่วนที่ “เควสชั่น” ประเทศไทยมีนายกฯกี่คน “มนพร” กล่าวว่า อาจเกิดขึ้นว่า ระหว่างที่มีการเปิดตัวว่าใครคือแคนดิเดตนายกฯ ตัวจริงของพรรคเพื่อไทย ในขณะที่ทุกคนต้องโฟกัสคุณอิ๊ง ในฐานะทายาทของท่านนายกฯทักษิณ คือคำว่าชินวัตร เมื่อโฟกัสไปแล้วจึงเกิดภาพการจดจำของประชาชน แต่จริง ๆ แล้วพรรคเพื่อไทยเสนอแคนดิเดตนายกฯ 3 คน

“วันหนึ่ง ตอนที่เราเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ว่าจะโหวตใคร ตอนนั้นประชาชนก็เริ่มถามว่า ตอนเลือกตั้งเราเลือกเพราะอุ๊งอิ๊ง ทำไมไม่เอาอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ทำไมต้องให้เศรษฐาเป็นนายกฯ”

“ในช่วงรอยต่อตรงนี้ เรามองว่าในภาวะที่ประเทศเป็นแบบนี้ เราต้องใช้มืออาชีพเข้ามา คุณอิ๊งก็ยอมรับว่าอาจจะไม่มีฝีมือพอ หรือคิดว่าการที่เข้ามายามที่ประเทศมีภาระหนี้สินมากมาย เขาก็อยากให้ท่านนายกฯเศรษฐาเป็นนายกฯ และเขาจะเข้ามาอยู่เบื้องหลัง ทำให้พรรคแข็งแรงในการเลือกตั้งครั้งหน้า”

“เรื่องนี้มีการถาม สส. และ 90% มีความเห็นอย่างนี้ ระหว่างคุณอิ๊งเป็นนายกฯ กับคุณเศรษฐาเป็นนายกฯ จะลงตัวที่ใคร เพราะเราเชื่อมั่นว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถบริหารจัดการนโยบายที่หาเสียงได้ใน 4 ปี ท้าทาย ยืนอยู่บนปากเหว”

“เพราะคนมีความรู้สึกว่าเราไม่เอาลุง แต่ทำไมเราต้องมาจับขั้วกับลุง แต่วันนี้เมื่อไม่มีลุง เงื่อนไขถูกหักออกไปทีละข้อ เมื่อไม่มีลุง เราตัดสินใจให้คุณเศรษฐา ขึ้นมาเป็นนายกฯ บนความท้าทายว่า ณ วันนี้ ไปจนถึง 4 ปี จะสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรมเหมือนตอนที่หาเสียงไว้ไหม”

ถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยเลือก “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ใช้ต้นทุนมหาศาล “มนพร” กล่าวว่า “มหาศาลมาก ทุกสรรพกำลัง ทั้งแรงศรัทธา จากเครดิตทั้งหมด เทหมดหน้าตัก แลกด้วยความ แข็งแรงของสมาชิกพรรค แลกด้วยความทุ่มเทของคนทุกคน”

ถาม “มนพร” ถึงข่าวลือในวงการการเมืองว่า หลังจาก 250 สว.พ้นไป พรรคเพื่อไทยอาจสับเปลี่ยนตัวนายกฯ “มนพร” ปฏิเสธข่าวนี้ทันที

“เรื่องนี้ยังไม่เคยมีการพูดกัน ตอนนี้เราให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เรารู้ว่านายกฯ ทำงานหนัก ไม่มีวันหยุด สส.ทุกคน แม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลก็ทุ่มสรรพกำลัง เราต้องพาเรือลำนี้ไปถึงฝั่ง สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศชาติไปในทิศทางที่ดีขึ้น”

ความหนักใจ สส.

ขณะที่นโยบายที่เป็น “จุดขาย” ที่เสี่ยงจะกลายเป็น “จุดสลบ” ของพรรคเพื่อไทย หากพลาดพลั้งคือ นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่น “มนพร” ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรี เป็นเชื่อมกับ 84 สส.อีสานของพรรคเพื่อไทย และชาวบ้าน ยอมรับว่าการให้ข้อมูลสื่อสาร บางท่านให้ข้อมูล อีกท่านให้ข้อมูลอีกทางหนึ่ง breakdown communication ทำให้คนสับสน

ดังนั้น เราต้องตัดออกไป และให้นายกฯ แถลงท่านเดียว

“สส.แตกต่างจากท่านอื่น สส.มีมุมคิดของเขา สส.กลัวที่สุดคือการสื่อสารที่ข้างบนสื่อสารไปแล้วแรงเสียดทานที่ สส.รับในพื้นที่ มากกว่าคนพูดข้างบน ดังนั้น ต่อไปรัฐมนตรีจะพูดอะไรให้ตกผลึกกันเสียก่อน”

“สส.ถามว่า ได้จริงไหม ได้เมื่อไหร่ ห้ามบอกว่า เงินเดือน 2.5 หมื่นขึ้นไป..ไม่ให้ เพราะตอนหาเสียง ไปบอกว่า ให้ตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป แม้แต่พระในวัดยังให้ ฝ่ายนโยบายมาพูด สส.ก็ก๊อบปี้คำพูดไปบอกคนในพื้นที่ ดังนั้น สส.ก็ท้วงนายกฯ”

“เราก็บอกให้ผู้แทนฯใจเย็น ๆ นายกฯ เขาก็ฟังอยู่ว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะละเลยสิ่งที่ สส.รับฟังชาวบ้านมา นี่คือความหนักใจของผู้แทนฯเขต ขนาดเราเป็นรัฐมนตรียังเทียวถามนายกฯ เลย”

“ข้อดีของพรรคเพื่อไทยคือ เวลาเปิดการประชุม เสียง สส.จะไม่เงียบหาย ทุกเสียงของ สส.มีความหมายและทรงพลังที่สุด จึงต้องขอให้นายกฯ สละเวลาให้พรรค เวลา สส.มีปัญหา ท่านนายกฯก็ตอบได้ ทั้งเรื่องค่าแรง ราคาข้าว กลไกปราบปรามยาเสพติด ท่าน action เร็ว เมื่อเรามีอำนาจบริหารจากประชาชน เราต้องรีบทำ เวลาไม่รอใครแล้ว”

“ท่านเศรษฐาถึงบอกว่า ตื่นขึ้นมาท่านคิดแล้วว่าต้องไปไหน ทำอะไรบ้าง แทบไม่อยากหยุด เพราะมีงานที่ค้างอยู่ อยากทำ”

“และในพรรคก็ไม่มีการพูดว่า คุณอิ๊งจะมาเป็นนายกฯ คนต่อไป…ไม่ เมื่อวันนี้คุณอิ๊งเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องเร่งทำงาน ขณะเดียวกัน สส.ก็ต้องรักษาพื้นที่ ขณะเดียวกัน นโยบายพรรคที่ลงไป แม้ในพื้นที่นั้นไม่มี สส.ของพรรค แต่ก็มีคะแนนบัญชีรายชื่อมา”

ไม่ถือตั๋ว แต่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่

“มนพร” บอกว่าที่ได้ตำแหน่ง รมช.คมนาคม ไม่ได้ถือ “ตั๋ว” ของใคร “ไม่มีตั๋ว พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีตั๋วนะ แม้ตัวเองเป็น สส.สมัยที่ 3 แต่พรรคมองว่าเราทำงานให้พรรคตั้งแต่สมัยนายกฯ ปู เกิดมาจาก สส.เสื้อแดง เราก็ทำงานให้กับ มวลชน ทำงานให้กับพรรค

“พรรคใช้ทำอะไรทำทุกอย่าง ทั้งประชุม ทำมวลชนเสื้อแดงให้ ทั้งทำงานทุกอย่างในกรรมาธิการวิสามัญที่พรรคใช้ ไม่เคยเรียกร้องตำแหน่ง”

ส่วนคนที่ประเมินผลงานการเมือง สส.ในพรรคแม่นยำที่สุด คือคุณทักษิณ “มนพร” ไม่ปฏิเสธ

“อันนี้ใช่…เขาคือศูนย์รวมจิตใจ ที่บอกว่าไม่มีตั๋ว แต่เชื่อว่าจะอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ และเป็นคนที่เวลาทำงานไม่เคยคิดว่าพรรคจะให้อะไร ไปทำงาน ปักธง หัวหก ก้นขวิด จะโดนถีบอย่างไร จะไปถึงเป้าหมายให้สำเร็จ เพราะจะต้องเอาธงแห่งชัยชนะมาปักให้พรรค”

“เมื่อผู้ใหญ่มอบหมาย จะไม่เคยเป็นหมาร้องเอ๋ง จะทำงานทุกสรรพกำลังที่เรามีอยู่ ทุ่มสุดชีวิต เพราะมีความหวังว่าเราจะเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า อดทน”

“และไม่ใช่เราคนเดียว เราเอาพรรคพวก พี่น้อง ต้องเก่งยกแผง เก่งคนเดียวไม่ได้ ระยะเวลา 4 ปี มีหมุดหมายการสร้างพรรคให้คนเห็นถึงความทุ่มเท การทำงาน”