เศรษฐา สั่ง ครม.ห้ามเสนอวาระจร เว้นแต่จำเป็นเร่งด่วน มิอาจหลีกเลี่ยงได้

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา สั่ง ครม. ห้ามเสนอวาระจร เว้นกรณีจำเป็นเร่งด่วน และนายกฯ ต้องอนุญาต พร้อมขอให้แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ ในทุก ๆ วันจันทร์ หรือในโอกาสที่เหมาะสม เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังว่า นายกฯ สั่งการให้ทุกหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ ในทุก ๆ วันจันทร์ หรือในโอกาสที่เหมาะสม แทนการแต่งกายด้วยแบบฟอร์ม โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

พร้อมทั้งประดับธงตราสัญลักษณ์หน้าหน่วยงานด้วย และขอความร่วมมือไปยังประชาชน ภาคเอกชน และองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งรัฐสภา และหน่วยงานความมั่นคง ในการรณรงค์ในการใส่เสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์โดยพร้อมเพรียงกัน เนื่องด้วยในปี 2567 เป็นปีมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

และให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีออกจดหมายเวียนไปยังหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการนี้โดยเคร่งครัด โดยให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงรับผิดชอบในการดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ปฏิบัติตามด้วย

นายชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อติดตามการบริหารจัดการ สนับสนุนการปลูกข้าวนาปรังของกรมชลประทานที่สถานีสูบน้ำคลองเพรียว จ.สระบุรี และมีเกษตรกรร้องเรียนเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าสูบน้ำมีราคาแพงเฉลี่ยไร่ละ 500 บาท นายกฯ ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โดยกรมชลประทาน) กระทรวงมหาดไทย (โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)

กระทรวงพลังงาน (โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน) ร่วมบูรณาการเพื่อเร่งรัดจัดทำโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว โดยในเบื้องต้น ขอให้กระทรวงพลังงาน หารือร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อพิจารณาลดอัตราค่าไฟฟ้าเป็นกรณีพิเศษอย่างเร่งด่วนสำหรับสถานีสูบน้ำ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบต่อการทำการเกษตรกรรม ที่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำเป็นปริมาณมาก

“นโยบายรัฐบาลจากนี้ไปจะพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในการสูบน้ำเข้าที่นา จะได้ประหยัดต้นทุน แต่ในระหว่างที่โครงการนี้ยังไม่เสร็จ ขอให้กระทรวงพลังงานไปพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าเป็นกรณีพิเศษให้กับชาวนา” นายชัยกล่าว

นอกจากนี้ นายกฯยังกำชับเป็นนโยบายว่าจะไม่ให้มีการเสนอวาระจร ยกเว้นเป็นเรื่องที่จําเป็น มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และในฐานะนายกฯอนุมัติให้เสนอได้เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา มีเรื่องที่เสนอเป็นวาระจร ค่อนข้างเยอะ และ ครม. ควรมีเวลาอ่านเอกสารวาระก่อนล่วงหน้า รวมทั้งเรื่องที่เสนอ ควรมีความเห็นของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อความรอบคอบ และรัดกุม ในการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่มีความสำคัญของ ครม.

“นับตั้งแต่การประชุม ครม. ครั้งหน้า จะไม่อนุญาตให้มีวาระจร เพราะวาระ ครม. สมควรต้องส่งมาก่อนแล้วให้ ครม. ทุกท่านศึกษาเป็นอย่างดี เว้นไว้แต่กรณีจำเป็นจริง ๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ และนายกฯต้องเป็นคนอนุมัติด้วยตัวท่านเอง จากนี้จะไม่เห็นวาระจรแล้วถ้านายกฯ ไม่อนุมัติ” นายชัยกล่าว