ทักษิณ พักโทษบ้านจันทร์ส่องหล้า รัฐบาลเพื่อไทย ลุ้นสัญญาณปรับ ครม.

เพื่อไทย
คอลัมน์ : Politics policy people forum

18 กุมภาพันธ์ 2567 อาจต้องบันทึกไว้บนหน้ากระดาษการเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ได้รับการพักโทษ หลังต้องติดคุกมานานกว่า 6 เดือน

ต่อไปนี้ ทุกย่างก้าวของ “ทักษิณ” อาจถูกโยงกับภูมิทัศน์การเมืองไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” ของคนในรัฐบาลเพื่อไทยและรัฐมนตรีเพื่อไทยในรัฐบาลเศรษฐา

อีกทั้งก่อนหน้านี้ ยามที่ “ทักษิณ” ยังเป็น “พี่โทนี่” เคลื่อนไหวในต่างประเทศ ทุกครั้งที่มีการปรับโครงสร้างในพรรคเพื่อไทย จนถึงการจัดตั้งรัฐบาล ยันโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ว่าโคจรไป สิงคโปร์ ฮ่องกง ดูไบ ล้วนหัวกระไดไม่แห้ง

ทักษิณได้รับการพักโทษ จะส่งผลอย่างไรกับการเมืองไทย ฟังคำตอบจากคนการเมืองหลายมุม ดังนี้

“อดีต” คือ “อดีต”

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลกล่าวเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า “ผมคิดว่าเป็นไปตามกฎหมาย ท่านทักษิณเป็นนายกฯ มาหลายปี และเป็นบุคคลที่มีประโยชน์กับประเทศชาติ ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมายาวนาน เป็นนายกฯ ที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงที่สุดท่านหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ท่านออกมาแล้วก็ถือเป็นประชาชนธรรมดา เรื่องในอดีตก็ถือเป็นอดีตไป ได้เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว”

“ท่านก็มีลูกมีหลาน ลูกสาวท่านก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผมก็เชื่อว่าท่านมีคำแนะนำดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ ผมเชื่อว่าทางลูกก็นำไปเป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศได้”

ศูนย์รวมใจเพื่อไทย

วันเดียวกัน “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าจะไม่กระทบกับรัฐบาล “คิดว่าความยุติธรรมหลายอย่างสำหรับคุณพ่อเป็นสิ่งที่ควรจะได้ และได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขจากประโยชน์ที่ท่านได้ทำให้กับประชาชน หวังว่าท่านไปที่ไหนก็จะมีแต่คนรอรับ อย่างที่ท่านเคยตั้งความหวังว่าจะกลับมาเจอพี่น้องประชาชนคนไทยอีกครั้ง ซึ่งหากพ้นโทษแล้วก็หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี”

ด้าน “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำคนสำคัญของพรรค คิดว่ายังไม่ถึงขนาดทำให้รัฐบาลสะเทือน หรือมีผลกระทบต่อรัฐบาล เชื่อว่านายทักษิณเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นบุคลากรของประเทศ ฉะนั้น ถ้านายทักษิณจะเสนอข้อแนะนำอะไร ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ จะเข้มแข็งขึ้น

“ต้องยอมรับว่านายทักษิณเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยต้องเข้มแข็งยืนด้วยความรู้ ความสามารถของบุคลากรที่มีอยู่ด้วย”

อย่ามีนายกฯ 2 คน

ตรงกันข้ามกับฝ่ายค้าน “ชัยธวัช ตุลาธน” สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกปากเตือนว่า อย่าทำให้เกิดสภาวะนายกรัฐมนตรี 2 คน ส่วนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐาจะสั่นคลอนหรือไม่นั้น ถ้าบริหารจัดการไม่ดีก็จะมีปัญหา

กรณีที่ “ทักษิณ” อาจแสดงความคิดเห็นการเมืองนั้น ทุกคนมีสิทธิที่จะทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอย่าทำให้เกิดความยุ่งยากในการบริหาร ตกลงนายกรัฐมนตรีเป็นใครกันแน่ ต้องฟังใคร ซึ่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะต้องระมัดระวังเรื่องนี้

อดีตพันธมิตรจับตาท่วงท่าทักษิณ

ทวนเข็มนาฬิกาไปยุครัฐบาลไทยรักไทยของ “ทักษิณ” มีคู่ขัดแย้งหลักคือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ผ่านมา 20 ปี “สุริยะใส กตศิลา” อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรฯ และคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต วิเคราะห์ว่า การที่ “ทักษิณ” พักโทษว่าสังคมกำลังตั้งคำถามถึงการจัดการกรณีการพักโทษของคุณทักษิณที่ไม่สมูท ไม่สง่างาม ซึ่งจะกระทบกับคะแนนนิยมของเพื่อไทย และคะแนนนิยมของแพทองธาร รวมถึงคะแนนของรัฐบาล ทำให้คะแนนของรัฐบาลไม่กระเตื้อง

เพราะในแง่ของการทำงานรัฐบาลก็ยังไม่สามารถสร้างฉันทานุมัติผ่านโปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ ได้ แต่ในมุมบวกของรัฐบาลคือ คุณทักษิณเป็นคนที่รู้จักใช้คน เอานักการเมืองอยู่ และรู้จักจุดอ่อนของนักการเมืองทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคก้าวไกล ที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เคยไปหาที่ฮ่องกง ดังนั้น ท่วงท่าทางการเมืองของคุณทักษิณ หลังจากการพักโทษจะเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญทางการเมือง

ล้วงลูกรัฐบาล พรรคร่วมป่วน

อีกด้านหนึ่ง “สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในทีมวิจัย “การสร้างความปรองดองแห่งชาติ” ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มองอย่างมุมคนกลางว่า “ทักษิณ” พ้นโทษกลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากเดิม เพราะดีลจัดตั้งรัฐบาลก็ยังเป็นดีลเดิม แต่จะกระชับขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ส่วนความขัดแย้งถึงขั้นมีการประท้วงเหมือนในอดีตหรือไม่ ก็คงไม่ขนาดนั้น เพราะจุดสนใจทางการเมืองขณะนี้มีหลายจุด ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องคุณทักษิณแต่เชื่อว่าเป็นผลบวกในแง่ความรู้สึกของพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น

แต่บนความมั่นใจก็มีความยุ่งยากปนอยู่ เพราะในความรู้สึกของคนเพื่อไทย บางคนก็นับวันรอที่จะเป็นรัฐมนตรี เมื่อไหร่จะมีการหมุนเก้าอี้ อาจทำให้นายใหญ่ปวดหัวได้ เพราะคนวิ่งเข้าหาได้อิสระไม่ต้องผ่านใคร

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ขณะนี้ก็มีปฏิกิริยาบางอย่างอยู่ เมื่อพรรคเพื่อไทยต้องการหมุนเก้าอี้ เปลี่ยนกระทรวง ความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็อาจไม่มั่นคง ต่างจากในสมัยที่ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กระทรวงไปแล้ว ให้เลย ไม่มีการยุ่ง ไม่เคยมีการล้วง แต่ครั้งนี้หากมีการล้วงลูกพรรคร่วมก็อาจเกิดแรงกระเพื่อมได้

พรรคก้าวไกล-ฝ่ายค้าน การที่ “ทักษิณ” ได้รับการพักโทษ ก็ไม่ได้ทำให้สู้ยากขึ้น เพราะไม่ว่า “ทักษิณ” อยู่เบื้องหน้า หรืออยู่เบื้องหลัง กลยุทธ์ทางการเมืองก็คงไม่ต่างไปจากเดิม เพราะผู้เล่นยังเป็นชุดเดิม ผู้จัดการทีมก็คนเดิม

ไม่ช่วยเรตติ้งรัฐบาล

ส่วนเรตติ้งของรัฐบาลจะดี-ไม่ดี ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณทักษิณ แต่อยู่ที่ผลงานของรัฐบาลว่าจะแก้เศรษฐกิจดีแค่ไหน ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยสามารถเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้มนุษย์เงินเดือนมีรายได้จาก 3 หมื่นบาทเป็น 8 หมื่นบาท หรือทำให้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้ ก็อาจทำให้คนเปลี่ยนใจเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้

“แต่ถ้าแก้ปัญหาแค่สภาพคล่องทางเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่พอ ต้องพลิกชีวิตคนขนานใหญ่ถึงจะทำให้คนที่เลือกพรรคก้าวไกล เปลี่ยนใจมาเลือกพรรคเพื่อไทยได้”