พรรคทหาร ตกเขียว “ก๊วนเนวิน” ปั่นราคาหุ้นการเมือง-กระจายความเสี่ยง

รายงานพิเศษ

7-8 พฤษภาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะประชุม ครม.นอกสถานที่ (สัญจร) จังหวัดสุรินทร์-บุรีรัมย์ พื้นที่ที่เป็นดินแดนของตระกูลชิดชอบ-ชาญวีรกูล ของนายเนวิน-อนุทิน แห่งพรรคภูมิใจไทย (ภท.)

การขยับของ พล.อ.ประยุทธ์-ครม.ทหาร ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ดีลเมกเกอร์ เป็นสัญญาณปิดดีลสุดท้ายทางการเมือง

สัญจรบุรีรัมย์ปิดดีล 25 ที่นั่ง

หากการเยือนสุรินทร์-บุรีรัมย์ ถิ่นของเนวิน-อนุทิน เป็นไปตามเป้าหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถ “ควบรวม” ผู้ลงสมัคร ส.ส. ภท. ในสังกัดเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี”54 ในนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ กว่า 35 ชีวิต

อ้างอิงจากผลการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี”54 ภท.ได้เก้าอี้ ส.ส.กว่า 34 ที่นั่ง แต่หากหักลบ “กลุ่มมัชฌิมา” ที่แยกตัวออกไปจาก ภท.ไปอยู่พรรคเพื่อไทย (พท.) 11 ชีวิต ซึ่งมี “ดีกรี” เป็นอดีต ส.ส.เมื่อปี”54 จำนวน 9 คน

หาก พล.อ.ประยุทธ์ “ปิดดีล” สำเร็จ จะทำให้ “พรรค คสช.” เพิ่มเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกฯ คนใน-คนนอก ได้ถึง 25 ที่นั่งเลยทีเดียว

ปิดดีลพลังชล 7 ที่นั่ง

หากเราย้อนกลับไปจับสัญญาณภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์-คณะเคลื่อนพลลงพื้นที่ต่างจังหวัดเดือนละ 2 ครั้ง ทั้งแบบไม่เป็นทางการและเป็นทางการ

ประกอบกับสัญญาณตอบกลับที่ส่งมาอย่างเป็นรูปธรรม คือ การรับตำแหน่งข้าราชการการเมืองของหัวหน้าพรรค-แกนนำกลุ่ม-มุ้งต่าง ๆ

การแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล (พช.) เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

นับได้ว่า “เมกะดีล” ทางการเมืองในครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จเป็นโดมิโน

พลังของ พช. ของ “สนธยา” หากวัดจากการเลือกตั้งปี”54 ส่งผู้สมัคร ส.ส. 11 ที่นั่ง ได้แก่ ชลบุรี ปราจีนบุรี และแม่ฮ่องสอน บทสรุปในครั้งสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ พช.ได้ ส.ส.เขต 6 ที่นั่งและบัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่ง รวม 7 ที่นั่ง

อย่างไรก็ตาม พช.ที่มีฐานเสียงในชลบุรีก็ยังมี “จุดอ่อน” คือ ชลบุรี เขต 4 ได้คะแนนลำดับที่ 3 ยังเป็นรองพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)-เพื่อไทย (พท.) ทิ้งห่างหลักหมื่นคะแนน ขณะที่จันทบุรี เขต 1 อยู่ลำดับ “บ๊วย” ต่อจาก ปชป.-พท.-ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)

ขณะที่ปราจีนบุรี เขต 3 ของนายสุรัตน์ ก็พ่ายแพ้ให้กับ ภท.-ปชป. รวมถึงแม่ฮ่องสอน เขต 1 ก็พ่ายแพ้ให้กับ ปชป.-พท.

ชพ.รอเสียบ 7 ที่นั่ง

จังหวัดแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะเคลื่อนทัพลงไปตีเมืองแรก คือ จังหวัดนครราชสีมา ในการประชุม ครม.สัญจร เมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคม 2560 อาจเพราะเป็น “บ้านเกิด” ของพล.อ.ประยุทธ์ หรือเป็นฐานเสียงของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ผู้มีบารมีของพรรคชาติพัฒนา (ชพ.) ที่เข้าได้ทุกขั้ว-

อ่านเกมแล้วว่า พรรคทหารกลับมาอีกแน่นอน

การเลือกตั้งเมื่อปี”54 ชพ. หรือชื่อเดิม “พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” ได้เก้าอี้ ส.ส. 7 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น แบบบัญชีรายชื่อ 2 ที่นั่ง แบบเขต 5 ที่นั่ง จาก 15 ที่นั่ง ได้แก่ 1.นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล 2.นายวัชรพล โตมรศักดิ์ 3.นายประเสริฐ บุญชัยสุข 4.นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ 5.นายพลพีร์ สุวรรณฉวี

ชทพ.ต้านไม่อยู่

ต่อจากนั้นวันที่ 18-19 กันยายน 2560 เป็นคิวของ ชทพ. ของ “วราวุธ ศิลปอาชา” ทายาททางการเมืองของ “บรรหาร ศิลปอาชา” อดีตหัวหน้าพรรค

ต้องเผชิญกับบทพิสูจน์กระดูกทาง

การเมืองว่าจะแข็ง-เหมาะกับการต้องรับมรดกทางการเมืองของนายบรรหาร-ผู้ล่วงลับไปหรือไม่

การเลือกตั้งเมื่อปี”54 พรรคชาติไทย ที่ยังมีนายบรรหาร “ถือธง” นำเลือกตั้ง สามารถกวาดเก้าอี้ ส.ส.แบบแบ่งเขต ใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี อ่างทองและพระนครศรีอยุธยา ได้ถึง 7 ที่นั่ง ได้แก่ สุพรรณบุรี คือ 1.นายสรชัด สุจิตต์ 2.นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ 3.นายนพดล มาตรศรี 4.นางสาวพัชรี โพธสุธน อ่างทอง คือ 1.นายภราดร ปริศนานันทกุล

2.นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล และพระนครศรีอยุธยา คือ 1.นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร

เมื่อรวมเบ็ดเสร็จแล้ว ทั้งจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ-แบ่งเขต มีอยู่ 19 ที่นั่ง

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เลือกที่จะเหยียบถิ่นมังกร-สุพรรณบุรี เมืองราชธานี กินแดนไปถึงอยุธยา-อ่างทอง จึงไม่กลับมามือเปล่าแน่นอน

มัชฌิมาไปแน่

ต่อมาวันที่ 25-26 ธันวาคม 2560 ในการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดสุโขทัย ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำ “ก๊วนมัชฌิมา” มีอดีต ส.ส.อยู่ในมือกว่า 10 ที่นั่ง ภายใต้สังกัด ภท. ก่อนออกไป “ซบอก” พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่สุโขทัย-ชัยนาท-ราชบุรี ได้แก่ 1.นางพรทิวา นาคาศัย 2.นางนันทนา สงฆ์ประชา

3.นายมานิต นพอมรบดี 4.นางบุญยิ่ง และ 5.นายสรรค์ชัย นิติกาญจนา 6.นางสาวชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร 7.นายบุญดำรง ประเสริฐโสภา 8.นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ 9.นายเกียรติศักดิ์ ต้นประสงค์

10.นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล และ 11.นายมนู พุกประเสริฐ

ถึงแม้ว่า “สมศักดิ์” จะเลื่องชื่อในจังหวัดสุโขทัย แต่ก็ยังมีบางเขตที่ “เป็นรอง” ปชป. เช่น สุโขทัย เขต 1 เขต 2

สะสมทรัพย์ปิดจ็อบ

นอกจากการลงพื้นที่ในที่แจ้งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์และทีมงานเบื้องหลัง ยังเปิดเกม-ปิดดีลหลังฉาก อย่างลับ ๆ

ตามอีเวนต์ออกรอบตีกอล์ฟ-ก๊วน “ตระกูลสะสมทรัพย์” จังหวัดนครปฐม มี 5 เขตเลือกตั้ง ตระกูลสะสมทรัพย์และ ส.ส.ในสังกัด ภายใต้เสื้อคลุม พท. ประกอบด้วย 1.นายอนุชา และ 2.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์

3.นายฐานุพงศ์ รังสิไตรพงศ์ 4.นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ และ 5.นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร ตระกูลสะสมทรัพย์ ถึงแม้ 4 พี่น้อง เผดิมชัย-ไชยยศ-ไชยา-อนุชา สะสมทรัพย์ จะเป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนครปฐม แต่เขตการเลือกตั้งบางเขตก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับ ชทพ.-ปชป. เช่น เขต 1

บ้านริมน้ำเกลอเก่า

ขณะเดียวกัน กลุ่มบ้านริมน้ำของ “สุชาติ ตันเจริญ” ชัดเจนว่า อาจมาร่วมงานกับ “เกลอเก่า” อย่าง “สมคิด” ภายหลังข่าวแพร่สะพัดว่านายสมคิดจะเดินทางไปร่วมกินข้าว-เคล้ากับแกล้มการเมืองที่บ้านริมน้ำย่านนนทบุรี

ขณะที่อดีต ส.ส.ที่เดินทางไปร่วมวงกินข้าวในวันนั้น อาทิ นายรณฤทธิชัย คานเขต อดีต ส.ส.ยโสธร นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายสรชาติ สุวรรณพรหม อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น

การเลือกตั้งปี”54 ที่ผ่านมา “ตระกูลตันเจริญ” เข้าเส้นชัยสนามฉะเชิงเทรา ทั้ง นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ-พี่ชาย อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 และนายณัชพล ตันเจริญ-หลาน อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 ในนาม ภท.

จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็น 1 ใน 3 จังหวัด ตามนโยบายระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาล คสช.โดยนายสมคิด หัวหน้าทีมเศรษฐกิจกำลังปลุกปั้น นี่อาจเป็นเหตุผลให้สมคิด-สุชาติ แสวงหาจุดร่วมได้ลงตัว

สุเทพ-กปปส.หนุนสุดตัว


ขณะที่คนที่ออกตัว-แสดงตนชัดเจนแล้วว่า จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ คนที่ 30 อย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตหัวหน้า กปปส. ที่เตรียมส่ง “เชน-ธานี” ผู้น้อง อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นตัวชูโรงรวบคะแนนเสียงชาวปักษ์ใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี-สาวก กปปส. เพื่อปฏิบัติภารกิจภาคต่ออีกครั้ง