เศรษฐา ดันท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ ปี’68 ตั้งเป้า Tourism Hub

เศรษฐา ทวีสิน

“นายกฯ” แจง ผลเยือนยุโรป ปักธงปี’68 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย เดินหน้าจัด “ฟอร์มูล่าอี” ที่เชียงใหม่ โต้ คนวิจารณ์ไร้ผลงานทัวร์ ตปท. ป้อง ขรก.คนทำงานอย่าหวั่น เสียงติฉินนินทา ยืดอก พร้อมรับให้เอง เชื่อ ไม่นานเห็นผลเป็นรูปธรรม

วันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงผลการเดินทางประชุมอาเซียน-ออสเตรเลีย เยือนสหพันสาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่า จุดประสงค์หลักที่ไปคือเพื่อไปสร้างความเชื่อมั่นด้านยุทธศาสตร์ และการร่วมมือกับทุกประเทศ โดยประเทศออสเตรเลีย ได้พบปะผู้นำหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย ลาว ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พบปะภาคเอกชน 6 เจ้า

จากนั้นบินไปที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ร่วมงานท่องเที่ยวระดับโลก โดยตนประกาศว่าจะผลักดันวาระแห่งชาติว่าปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย ทัวริซึ่มฮับ โดยจะยกระดับศิลปวัฒนธรรมไทย อาหาร แฟชั่นให้เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก จะมีมิชลินไกด์ระดับโลกมาแสดงสินค้าที่เมืองไทย รวมถึงจัดปารีสแฟชั่นโชว์ การพูดคุย จัดการแข่งขันฟอร์มูล่าอี ที่ประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเรื่องของการท่องเที่ยว

ส่วนการเยือนฝรั่งเศส ได้พบกับประธานาธิปดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่จะผลักดันเรื่องของเขตการค้าเสรี (FTA) เป็นหลัก รวมถึงการยกเว้นวีซ่าเชงเก้น ซึ่งเป็นวาระที่พูดทุกประเทศที่เดินทางไปสหภาพยุโรป และได้รับการสนับสนุนทั้ง 2 เรื่อง และได้พบปะภาคเอกชนเกือบ 23 ราย จากนั้นไปที่เมืองคานส์แบบไปเช้าเย็นกลับ ไปเปิดงานและไปพูดคุยว่าปี 2568 ประเทศไทยจะมาจากนิทรรศการที่ใหญ่ขึ้น

นำเรื่องของประเทศไทยมาขยายความให้ต่างประเทศทราบ และเมื่อวันที่ 13 มี.ค.บินกลับมาที่เบอร์ลิน พบปะภาคเอกชน 7 ราย ที่มีทั้งโฟล์คสวาเกน และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตลอดเวลาทั้ง 9 วันที่เดินทางไปต่างประเทศ ได้พูดคุยในเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียด

“มีการทำการบ้านกันไป เชิญภาคเอกชน ที่มีประเด็นปัญหาการทำธุรกิจในเมืองไทยมาพูดคุย เสนอแนะข้อคิดเห็น ว่าอาจจะมีบางอย่างที่เราอาจจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทย ก็มีการพูดคุยกันอย่างลงรายละเอียด เชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก” นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิจารณ์ว่านายกฯไปต่างประเทศภารกิจแน่น แต่ไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม นายเศรษฐากล่าวว่า การลงทุนหลายอย่างมูลค่าลงทุนเป็นแสนล้านบาท เขาไม่ได้ตัดสินใจภายในเวลา 2-3 เดือน ต้องใช้เวลา พูดคุยกันนาน บางเรื่องที่เรามาถึงตรงนี้ไม่ใช่รัฐบาลนี้รัฐบาลเดียวที่ริเริ่มขึ้นมา แต่เป็นการต่อยอดหลายเรื่องที่ทำมาดีและเราต้องทำต่อไป ที่ผ่านมา 6 เดือนได้ต่อยอดมาจากรัฐบาลที่แล้วบ้าง

การที่เดินทางไปบอกชาวโลกว่าประเทศไทยเปิดแล้ว เหมาะสมกับการลงทุนเรื่องอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่นายกฯ หรือตัวผมคนเดียว อย่างที่ผมเรียนไปจะชอบหรือไม่ชอบผมเป็นการส่วนตัว แต่ผมว่าอย่ามาด้อยค่าศักยภาพของประเทศไทย หน้าที่ผมคือต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องเดินทางไปบอกว่าประเทศไทยมีอะไรดีบ้างข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทั้งบีโอไอ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์

หลายกระทรวง มีส่วนร่วมทำงานกันตลอด ทั้งทีมงานของสำนักเลขาธิการนายกฯทำการบ้านหนักมาก เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยกตัวอย่าง เรื่องของฟรีวีซ่าประเทศจีน ที่ไปขาเดียวแล้วมีเสียงวิจารณ์ว่าเขาจะไม่ให้ฟรีกับเรา กระทรวงการต่างประเทศก็ทำได้ และทยอยทำไปเรื่อย ๆ

แต่เรื่องของเชงเก้นวีซ่าต้องเข้าใจว่าสหภาพยุโรปมีหลายประเทศ ไม่ใช่ประเทศเดียวที่จะตกลงได้ เพราะเรื่องที่เขาห่วงใยที่สุด คือ เรื่องของการลี้ภัย เดินทางไปเที่ยวแล้วไปเป็นโรบินฮู้ด ซึ่งก็ต้องชี้แจงว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทย มีมาตรการที่จะปกป้องตรงนี้ ขณะที่การลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์มีมูลค่าการลงทุนเป็นแสนล้าน ต้องมีการศึกษากฎระเบียบ

การประกาศ INNITE ไทยแลนด์ 8 ด้าน เพื่อทำให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยดีอย่างไรที่จะมาลงทุน เมื่อมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อย ๆ ใครที่มีหน้าที่ต้องถามหรือให้ข้อคิดเห็น หรือไม่เห็นด้วยก็สอบถามมา ส่วนตนในฐานะนายกฯมีหน้าที่ต้องตอบ และมีทีมงานช่วย แต่หวังว่าคำติบางคำ อาจจะไม่ทำให้ไม่สบายใจ หรือหมดกำลังใจไป ขอย้ำว่าการทำงานไม่ใช่ตนคนเดียว แต่มีทีมงานข้าราชการ ที่ทำงานลืมเหน็ดเหนื่อยร่วมกันมา ห้องของสำนักเลขาฯนายกทำงานถึงตีสามทุกคืน กว่าจะจัดการประชุมแต่ละการประชุม ที่มีซีอีโอใหญ่ บริษัทใหญ่มาร่วมได้ แค่นี้ก็เป็นเรื่องยากแล้ว

ดังนั้นทุกอย่างต้องใช้เวลากว่าจะประสบความสำเร็จ และจากนี้ต่อไปก็จะเห็นผลและในวันที่ 21 มี.ค.นี้ประธาน Microsoft จะเดินทางมาพบที่ทำเนียบ และหลายบริษัทระดับโลกตกลงแล้ว แต่ขอเก็บเป็นความลับ เพื่อต้องผ่านคณะกรรมการและขั้นตอนของเขา

“บอกตรง ๆ ว่าผมไม่รู้สึกอะไร แต่เป็นห่วงข้าราชการที่ทำงานหนัก ไม่อยากให้รู้สึกท้อถอยกับเสียงติฉินนินทาเหล่านี้ และขอบอกไปถึงข้าราชการที่ร่วมทำงานกันมาหนักหน่วงว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวผมรับให้เอง ขอให้ทำงานกันต่อไป เพราะผมทำงานคนเดียวไม่ได้ ถ้าพลังจากเจ้าหน้าที่ทั้งหลายมาช่วย“

ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดแข่งฟอร์มูล่าอี กับฟอร์มูล่าวัน สิ่งใดจะเกิดก่อนกัน และเหตุผลที่จะจัดงานที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯกล่าวว่า ฟอร์มูล่าอีเกิดขึ้นก่อนแน่นอน เพราะฟอร์มูล่าวันจะเกิดขึ้นเร็วสุดในปี 2027 ส่วนฟอร์มูล่าอีที่เราจะไปจัดที่เชียงใหม่ เพราะมี 2-3 เมืองที่เห็นว่าเหมาะสม และทางฟอร์มูล่าอีจะไปพบตนที่เชียงใหม่ ก็ต้องไปดูผลตอบรับที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเขามากันเต็มที่

เมื่อถามว่าการเดินทางไปครั้งนี้นำผ้าขาวม้าไปเผยแพร่ สินค้าของประเทศไทยจำนวนมาก นายเศรษฐากล่าวว่า ยังเอาไปน้อย มากกว่านี้ ยังมีเหลืออยู่ผืนสองผืน แต่ลายคล้ายกัน ลายที่เอาไปเป็นลายตาราง พยายามนำไปใช้ให้เยอะที่สุดแต่เรียนว่าไม่ได้ไปซื้อเพื่อเป็นผู้นำแฟชั่น แต่มีประชาชนนำมามอบให้ผูกเอวด้วยความรักความผูกพัน ก็อยากตอบสนองโดยนำสินค้าที่ดี

ผลิตภัณฑ์ที่เก๋ ๆ ไปให้ชาวโลกเห็นว่าเราก็มีของดีตรงนี้เหมือนกัน ซึ่งต่างประเทศก็สนใจผลิตภัณฑ์ของไทย แต่ทั่วโลกต้องมีมาตรฐานการตรวจสอบ ควบคุมมาตรฐานโลก และเรื่องที่มาที่ไปของสินค้าก็มีส่วนนำเสนอ เช่น กระเป๋ากระจูด ทำมาจากอะไร สีที่ย้อมผ้านำมาจากพืชอะไรเป็นต้น ทั้งนี้ได้เชิญแฟชั่นเฮาส์ในฝรั่งมาดูงานว่าจะประสานการพูดคุยได้อย่างไร โดยในเดือน พ.ค.นี้จะมีการจัดพบปะระหว่างนักธุรกิจไทยและฝรั่งเศสที่กรุงปารีส และจะกลับมาพบกันอีกในเดือน ก.ย.ที่ประเทศไทย ขณะที่ประธานาธิบดีมาครงก็จะเดินทางเยือนประเทศไทยในปี 2568 ด้วย

รวมถึงเรื่องการแข่งขันรถใช้พลังงานไฟฟ้าที่น่าจะได้เริ่มต้นที่ จ.เชียงใหม่ในปี 2567 ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนต้องใช้เวลา หากถามมาก็พร้อมจะตอบอีก