“บิ๊กตู่” จ่ายมัดจำ 2 หมื่นล้าน มัดใจ “เนวิน+25 เสียงภูมิใจไทย”

นับเป็นการปราศรัยครั้งแรก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในชีวิตการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

นับเป็นการจัดอีเวนต์การเมือง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของ เนวิน ชิดชอบ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หลังพลิกขั้วอำนาจจาก ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 10 ปีก่อน

ในวาระเดือนแห่งการครบวาระ 4 ปี แห่งการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ เลือกลงพื้นที่ “บ้านใหญ่-ชิดชอบ” ตระกูลการเมืองที่ครบเครื่องและร้อนแรงที่สุด

ในวาระที่เรียบเนียน ไร้รอยต่อ ระหว่างการเดินสายทางการเมือง กับการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร

พล.อ.ประยุทธ์ มีคิวติดตามรับฟังปัญหาประชาชน และพิจารณาโครงการช่วยเหลือและผลักดันศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) วันที่ 7-8 พ.ค. 61 ทั้งตรวจความคืบหน้า นโยบายรัฐบาล ทั้งด้านเศรษฐกิจ-ชุมชน และความมั่นคง กว่า 14 คิว

แต่ละคิวมีข้าราชการ-พ่อค้า-ประชาชน นักเรียน นักศึกษา รอให้การต้อนรับไม่น้อยกว่าจุดละ 300 คนบางจุดมากถึง 5,000 คน

ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรี ปูพรม-กระจายตัวลงพื้นที่ จังหวัดใกล้เคียง ก่อนจะมารวมตัวกันที่จุดอีเวนต์การเมือง ที่สำคัญที่สุด ของเขตอีสานใต้-ในเงาของ “บ้านใหญ่-ชิดชอบ”

โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นางกรุณา ชิดชอบ ภริยา และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่วมให้การต้อนรับอย่างใกล้ชิด

“พวกเราตากแดดมาชั่วชีวิตในการทำงาน แต่จะตากแดดต้อนรับลุงตู่ไม่ได้หรือ คนบุรีรัมย์ตากแดดไม่นานเพื่อให้กำลังใจลุงตู่ได้อยู่แล้ว ครม.มาประชุมที่บุรีรัมย์ไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ได้ของบประมาณกับรัฐบาล โดยต้องได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทขอให้อดทนต่อแสงแดดและความร้อนเพื่อนายกฯลุงตู่ และให้ส่งเสียงดัง ๆเพื่อให้นายกฯลุงตู่อนุมัติงบประมาณลงพื้นที่บุรีรัมย์หมื่นล้าน ขอให้ร่วมกันให้กำลังใจ” เสียงของ “เนวิน” กึกก้องทั่วสนามช้าง อารีน่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึง

“ผมไม่เคยเจอการต้อนรับจากประชาชนที่มามากเท่าวันนี้มาก่อน…ได้รับผ้าขาวม้าพันถึงคอ” นายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายประชาชน กว่า 3 หมื่นคน ที่มารอต้อนรับเต็มสนามฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือสนามช้าง อารีน่า

ความตั้งใจจะเจรจา “ความเมือง” จากทีมเยือน ต้องคอตก เมื่อทีมเจ้าบ้าน-ชิดชอบ ประกาศวลีทางการเมืองว่า “วันนี้ไม่มีวาระเรื่องการเมือง มีแต่วาระประชาชน” และจะไม่มี “วงลับ” มีแต่ “วงเปิด” 

ปล่อยให้พรรคคู่แข่งทางการเมือง ได้เห็นภาพ-เสียง สนับสนุนที่ระดับอลังการงานสร้างหนาแน่น

และแน่นอนที่สุดว่า แน่น-หนุน ให้ฐานการเมืองแห่งตระกูล “ชิดชอบ” แห่งพรรคภูมิใจไทย เท่านั้น

แม้ซีนของ “หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” จะปรากฏในเสียงของนายกรัฐมนตรี เพียง 1 ประโยค คือ “อนุทิน ทีมงานประชารัฐของรัฐบาล” 

แต่ “อนุทิน” ยังได้บันทึกวรรคประวัติศาสตร์การเมือง ในประกาศ “ห้ามดูด”

“…ให้ใครมาดูดใครง่าย ๆ ได้อย่างไร ใครดูด ติดคอตายแน่นอน”

อดีต ส.ส.ภูมิใจไทย ที่จะ “ติดคอ” พรรคบิ๊กตู่ ที่ปรากฏในการเลือกตั้ง  2 กรกฎาคม 2554 ได้ชัยชนะเป็นพรรคลำดับที่ 3 คุม ส.ส. 34 เสียง แยกเป็น ส.ส.เขต 29 เสียง ปาร์ตี้ลิสต์อีก 5 เสียง

แต่เมื่อ ส.ส.กลุ่มมัชฌิมา ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่กุมเสียงในสุโขทัย ราชบุรี ชัยนาท ยกทีม 9 คน ไปซบเพื่อไทย ทำให้จำนวน ส.ส.ในมือภูมิใจไทย เหลือเพียง 25 เสียง

แต่การเลือกตั้งล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2557 ก่อนจะเป็นโมฆะ ภูมิใจไทยทำสถิติไว้ได้เพียง 6 เสียง (ไม่รวมปาร์ตี้ลิสต์)

ดังนั้น 25 เสียง ที่ภูมิใจไทยเคยกำไว้ อาจเดินทางไกลได้มากที่สุดคือ จับมือหลวม ๆ ไว้กับ “พรรคบิ๊กตู่” ซึ่งมีการตั้ง “พรรคลับ” ไว้ 1 พรรค และมีพรรค “หัวลวง” อีก 1 พรรค และมีพรรคสำรองไว้อีก 1 พรรค

ร่วมกันเดิน-แยกกันตี ทั้ง 3 ทีม คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พล.อ.ฉัตรชัยสาริกัลยะ และทีม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ 

เกือบ 1 ชั่วโมงบนเวทีปราศรัย นายกรัฐมนตรีจึงมีแต่มธุรสวาจา “ขอย้ำว่าไม่ได้มางานการเมือง ผมรักทุกคน ต้องการทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน บุรีรัมย์เป็นหนึ่งใน 12 เมืองต้องห้าม…พลาด ไม่ใช่เมืองทางผ่าน แต่เป็นเมืองจุดพัก การท่องเที่ยวจะเป็นตัวส่งเสริม กีฬา คือ สนามช้าง อารีน่า สนามช้าง เซอร์กิต เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวมาชม เพราะเป็นสนามที่ได้มาตรฐานสากล เป็นศูนย์รวมใจของคนจังหวัดบุรัมย์”

“ประเทศไทยต้องได้ความรู้จักบนเวทีโลก เป็นเมืองประชุมระดับโลก แข่งขันกีฬาระดับโลก ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง”

และเป็นซิกเนเจอร์ของ “อีเวนต์เนวิน” ในการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ต้องมีกิจกรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์ของเมืองบุรีรัมย์ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เขาจูง “ทักษิณ” ขึ้นขี่ช้าง

ครั้งนี้เขาเปิดสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ให้ “บิ๊กตู่” ขึ้นควบมอเตอร์ไซค์ เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก PTT Thailand Grand Prix ในเดือนตุลาคมปีนี้ ที่รัฐบาลจ่าย “มัดจำ” ให้ปีละ 100 ล้านบาท ต่อเนื่อง 3 ปี ขณะที่เจ้าของสนามต้องหาหุ้นส่วนเพิ่มปีละ 350 ล้านบาท

ไม่นับรวมยอดมัดจำ-ยอดใหญ่ ที่ “บิ๊กตู่” อนุมัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ในมติคณะรัฐมนตรีสัญจร ประมาณ 20,706 ล้านบาท

เป็นโครงการที่สามารถเบิกจ่ายลงมือทำงานได้ทันที ในโครงการด้านการเกษตรและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 40 โครงการ งบประมาณ 1,015 ล้านบาท

โครงข่ายคมนาคมทางถนน จำนวน 14 เส้นทาง วงเงิน 14,588 ล้านบาท (งบประมาณปี”62)

โครงการที่ไม่ได้ระบุงบประมาณ คือขยายปรับปรุงสนามบินบุรีรัมย์ รองรับการเป็นสนามบินศุลกากรและเครื่องบินขนาดใหญ่ ขยายทางวิ่งจากเดิม 2,100 เมตร เป็น 3,000 เมตรก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ขนาด 2 ชั้น ขยายลานจอดเครื่องบินขนาดใหญ่ จาก 2 ลำ เป็น 6 ลำ

โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองบุรีรัมย์

หลังมัดจำ-ค่าเหยียบสนามช้าง อารีน่า ด้วยโครงการมูลค่ากว่าหมื่นล้าน ทีมงาน “บิ๊กตู่” วางโรดแมปเส้นทาง ครม.สัญจร ครั้งต่อไปที่ชัยนาท-นครสวรรค์

หลักการ-เหตุผลและหมุดหมาย คือ เมืองที่มี “บ้านใหญ่” ระดับ “หัวหน้าพรรค” หรือ “แกนนำม็อบ กปปส.”

แน่นอนที่สุดว่า จ.สุราษฎร์ธานี คือ 1 ในเดสติเนชั่นทางการเมือง ของพรรค “บิ๊กตู่”