ฉากอนาคต ยุบ-ไม่ยุบก้าวไกล กวาดงูเห่าบิ๊กลอต ลุ้นชิงนายกฯสำรอง

ยุบก้าวไกล
คอลัมน์ : Politics policy people forum

พรรคก้าวไกลอาจกลายเป็นพรรคที่ 35 ที่ถูก “ยุบพรรค” นับตั้งแต่มีการยุบพรรคการเมืองบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540

ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเข้าลักษณะกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย

อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567

มนุษย์การเมืองในกระดานอำนาจ กางฉากทัศน์ไว้หลายแบบ เพราะการยุบพรรคก้าวไกล แน่นอนว่าไม่ได้จบแค่การ “ยุบพรรค” ใดพรรคหนึ่งไปให้พ้นกระดานอำนาจ แต่ยังกระทบคณิตศาสตร์การเมืองบนกระดาน อาจเกี่ยวพันไปถึงตัวนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่ลุ้นคดีถอดถอนใน 7 วันหลังจากศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาพรรคก้าวไกล

ยุบพรรค สมการไม่เปลี่ยน

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า นักรัฐศาสตร์-คณิตศาสตร์การเมือง ที่มองการเมืองเหนือข้อมูลด้านรัฐศาสตร์ แต่ลึกลงไปถึงสมการ

วิเคราะห์ผลกระทบหากศาลรัฐธรรมนูญยุบ-ไม่ยุบพรรคก้าวไกล ในระยะสั้นไปถึงการเลือกตั้งปี 2570 เริ่มจากศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค

ADVERTISMENT

“ยุบพรรค เต็มที่แค่เปลี่ยนจำนวน สส.ไม่มาก เช่น ฝ่ายค้านเหลือน้อยลง งูเห่าอาจมีบ้าง ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเปลี่ยนคน ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่เป็น สส.ถูกตัดสิทธิไปแค่ 6 คน ดังนั้น ตัวหลักที่จะไปตั้งพรรคกันใหม่ก็ไม่ได้เปลี่ยนหน้าเยอะ และขาดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ นอกนั้นไม่มีอะไรต่างในเกมการเมืองภาพใหญ่”

“พรรคเพื่อไทยก็ยังเป็นแกนนำรัฐบาล สู้กับพรรคใหม่ของก้าวไกล โดยที่มีพรรคร่วมซึ่งต้องหาตัวแทนฝ่ายอนุรักษนิยมมาสู้ ดังนั้น เกมใหญ่จึงเหมือนเดิม”

ADVERTISMENT

ส่วนพรรคก้าวไกลไม่น่าจะเกิดภาพ “พรรคแตก” เหมือนตอนยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะขณะนี้ค่อนข้างชัดว่า ถ้าอยากอยู่การเมืองไปนาน ๆ ก็อยู่กับพรรคสีส้มไป ถือว่าสบายตัว มีแต่จะดีขึ้น ๆ ไปอยู่พรรคอื่นก็เห็นอยู่แล้วว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

“จะได้เฉพาะ สส.ที่เตรียมการระยะสั้น คือเป็นงูเห่าไปอยู่พรรคอื่นในฐานะ สส. อาจจะมีที่ทางให้ทำงาน หากเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะต้องทำใจสอบตก แต่ถ้าหัวหน้าพรรคดูแลต่อก็อาจจะได้งานในตำแหน่งข้าราชการการเมืองในฝ่ายบริหาร ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่น่าจะเยอะในปริมาณที่พรรคแตก”

ซื้องูเห่าต้อง “บิ๊กลอต”

ส่วน “งูเห่า” ที่พรรคพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทยอาจเล็ง เพิ่มแรงต่อรองในรัฐบาล “ดร.สติธร” อ่านว่า ถ้าจะมีผลต้อง “เล่นใหญ่” แบบเปลี่ยนสมการการเมือง

เช่น แกนนำพรรคพูดว่าต้องให้ความชอบธรรมพรรคอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล ถ้ายึดตามคำพูดนี้ ถ้าจะเป็นนายกฯ ต้องดึงงูเห่ามาให้เกินพรรคเพื่อไทย 141 เสียงอย่างนี้ถึงจะมีผล

หรือพรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้ถ้าแตกเป็น 2 ก๊ก ระหว่างกลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ถ้ากลุ่ม พล.อ.ประวิตรต้องการความเข้มแข็ง เพราะรู้แล้วว่าอีกกลุ่มอยู่พรรคพลังประชารัฐเพียงแต่ตัว กลุ่ม พล.อ.ประวิตรก็ต้องซื้องูเห่าให้ตัวเองมี สส.มากกว่า

“สมมุติกลุ่มอื่นมี สส. 20 เสียง กลุ่ม พล.อ.ประวิตรมี 20 เสียง ก็เติมอีก 20 เสียง ให้มี 40 เสียงในพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม”

“หรือทางเลือกที่ 3 ถ้าบังเอิญนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ถูกถอดออกจากตำแหน่ง แล้ว พล.อ.ประวิตรอยากขึ้นเป็นนายกฯ ก็ต้องดึงงูเห่าให้เกิน 70 เสียง ให้มากกว่าพรรคภูมิใจไทย เพื่อเพิ่มความชอบธรรม”

“เป็นเกมที่ต้องเล่นใหญ่ทั้งหมด จะไปเล่นเกมยิบย่อย ดึงมาแค่ 10 คน มันไม่ใช่เกมแบบนั้น” ดร.สติธรกล่าว

ก้าวไกลเข้มแข็งขึ้น

มองในมุม “โอกาส” ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบ ในแง่องค์กรก็จะเข้มแข็งขึ้นแน่ เพราะยิ่งมีคนถอดใจออกไปให้เห็นชัดเจน ก็จะเป็นการกรองอีกชั้นว่าใครคือเนื้อแท้ของพรรคก้าวไกล ถือโอกาส Big Cleaning ไปในตัว หรืออะไรที่บริหารจัดการในนามพรรคไม่ดี ก็จะได้ปรับปรุงใหม่ และทบทวนตัวเองว่าทำอะไรผิดพลาด

และถ้าทำบ้านดีก็มีโอกาส เพราะทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ คนก็มองว่ามาจากกระแส การยุบพรรคไม่กระทบกระแสอยู่แล้ว มีแต่เท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีโอกาสปัดกวาดทำความสะอาดบ้านใหม่ อาจจะดีทั้งในบ้าน และดีทั้งกระแส จึงทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น

ยุบ-ไม่ยุบ สะเทือนรัฐบาล

ไม่ยุบพรรค “ดร.สติธร” มองว่ามี Scenario 2 แบบ หนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลไม่ล้มล้างการปกครอง ทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม สอง ไม่ยุบ แต่บอกว่ากระบวนการของ กกต.ที่ยื่นคำร้องทำผิดกระบวนการ แบบนี้ถือฐานความผิดยังไม่ถูกตัดสิน กกต.ก็อาจไปทำให้ถูกขั้นตอนและร้องเข้ามาใหม่ได้ หน้านี้จะมีผลตรงที่เราจะยังไม่เห็นพรรคใหม่ ยังไม่เห็นงูเห่า แต่พรรคก็ยังไม่สบายตัว

“จะเดินหน้าเต็มที่ สร้างพรรคใหม่ ปฏิรูปตัวเองอีกรอบก็ยังไม่เกิด ขณะที่ของเก่าทำหน้าที่ฝ่ายค้านแบบเผื่อเหลือเผื่อขาด ไม่รู้จะได้ทำต่อหรือเปล่า”

“และถ้ายังไม่ยุบพรรค ก็จะส่งผลไปถึงการเมืองกระดานใหญ่ที่ไม่น่าจะเปลี่ยน คดีนายกฯเศรษฐาน่าจะรอด เพราะกระดานใหญ่ยังไม่มีการเปลี่ยน ข่าวที่ว่าจะมีการเปลี่ยนนายกฯ จะมีนายกฯสำรองคงต้องหมดไป”

“แต่ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบ อาจมีผลต่อคดีของนายกฯเศรษฐา เพราะถ้ายุบพรรคทำไมถึงยุบ ด้านหนึ่งตัดพรรคก้าวไกลให้อ่อนแรงลง แต่สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลคืออะไร แปลว่าเขาต้องการเปลี่ยนเกมกระดานใหญ่หรือเปล่า รัฐบาลก็เสียวเลย” ดร.สติธรวิเคราะห์

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพรรคก้าวไกลมี สส.ทั้งสิ้น 148 คน หากยุบพรรค 11 กรรมการบริหารพรรคที่ กกต.แนบบัญชีให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ประกอบด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ปัจจุบันเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรค ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค ปดิพัทธ์ สันติภาดา กก.บห. สัดส่วนภาคเหนือ (ปัจจุบันย้ายไปสังกัดพรรคเป็นธรรม) สมชาย ฝั่งชลจิตร กก.บห. สัดส่วนภาคใต้

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กก.บห. สัดส่วนภาคกลาง อภิชาติ ศิริสุนทร กก.บห. สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรค เบญจา แสงจันทร์ กก.บห. สัดส่วนภาคตะวันออก สุเทพ อู่อ้น กก.บห. สัดส่วนปีกแรงงาน อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กก.บห.

แต่มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่เป็น สส.พรรคก้าวไกลในสภาชุดปัจจุบัน คือ พิธา, ชัยธวัช, อภิชาติ, เบญจา, สุเทพ, ส่วนปดิพัทธ์ย้ายไปอยู่พรรคเป็นธรรม

ส่วน สส.ที่เหลือ 143 ชีวิต ต้องหาสังกัดใหม่ใน 60 วัน ณ วันนี้ พรรคก้าวไกลต้องพร้อมรับทุกชะตากรรม